Showing posts with label news. Show all posts
Showing posts with label news. Show all posts

เที่ยวบินไทยแอร์เอเชีย ผู้โดยสารกว่า 147 คนระทึก เครื่องบินสั่นไหวอย่างรุนแรง หลังเจอลูกเห็บกระหน่ำ

 


เที่ยวบินไทยแอร์เอเชีย ผู้โดยสารกว่า 147 คนระทึก เครื่องบินสั่นไหวอย่างรุนแรง หลังเจอลูกเห็บกระหน่ำ

วันที่ 19 ก.ค. 2568 เพจเฟซบุ๊ก Outsider's Aviation โพสต์ระบุว่า เที่ยวบินไทยแอร์เอเชียเจอลูกเห็บกระหน่ำ ขณะลดระดับเข้าสู่ฉงชิ่ง เที่ยวบิน FD552 ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่เมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ได้เผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนระหว่างการลดระดับก่อนลงจอด

ภาพจาก Outsider's Aviation

โดยเครื่องบินแบบแอร์บัส A320 ทะเบียน HS-BBA ถูกลูกเห็บกระแทกอย่างรุนแรง ส่งผลให้บริเวณส่วนหัวเครื่องบิน และกระจกหน้าห้องนักบินได้รับความเสียหาย

เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะเครื่องบินกำลังลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติฉงชิ่งเจียงเป่ย์ โดยผู้โดยสารบนเที่ยวบินดังกล่าวกว่า 147 คน รวมถึงลูกเรือ ให้การว่าเครื่องบินสั่นไหวอย่างรุนแรง แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

จากความเสียหายที่เกิดขึ้น เที่ยวบินขากลับ FD553 ซึ่งมีกำหนดออกจากฉงชิ่งกลับกรุงเทพฯ ต้องล่าช้าไปหลายชั่วโมง ขณะที่สายการบินได้ออกแถลงการณ์ยืนยันเหตุการณ์ พร้อมระบุว่าเครื่องบินลงจอดได้อย่างปลอดภัย

และได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบ ด้วยการจัดหาที่พัก อาหาร และบริการภาคพื้นดิน พร้อมดำเนินการจัดเที่ยวบินทดแทน ซึ่งเดินทางถึงกรุงเทพฯ อย่างปลอดภัยในวันที่ 18 กรกฎาคม 2568


ขอบคุณ Outsider's Aviation



คู่รักกำลังเก็บของขึ้นรถ แต่หนุ่มคงทำช้าไม่ทันใจ งานนี้ได้เห็นความลับผู้หญิงเต็มตา

 ทำเอาหนุ่ม ๆ ทั่วโลกต้องกลับไปพิจารณาบทบาท คนถือของให้กับแฟนสาวของตัวเองใหม่ เมื่อมีคลิปไวรัลสุดพีคจาก เมื่อได้มีผู้ใช้ TikTok @aonchester เผยให้เห็นวินาทีที่แฟนสาวเผยร่างจริง พลังแฝง ชนิดที่แฟนหนุ่มถึงกับยืนงงในดงเสื้อผ้า!


ในคลิปกล้องวงจรปิดสุดฮา คู่รักข้าวใหม่ปลามันกำลังช่วยกันขนสัมภาระเข้าท้ายรถเก๋ง ดูเหมือนว่าฝ่ายชายจะรับหน้าที่ยกตะกร้าเสื้อผ้าขึ้นรถก่อนตามสเต็ปผู้ชายแมนๆ แต่ติดตรงที่ว่าพี่แกเล่นยกไปตั้งนานสองนาน ยังไม่เข้าที่เข้าทางสักที

ภาพจาก TikTok : @aonchester



ทันใดนั้นเอง! แฟนสาวสุดทนคงเห็นว่าช้าไม่ทันใจ ยื่นมือไปคว้าตะกร้าเสื้อผ้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำหนัก (และความลับของชะนี) ขึ้นมาด้วย มือเดียว เท่านั้น! แถมอีกข้างยังหนีบกระเป๋าหลายใบอยู่เลยนะ! งานนี้แฟนหนุ่มที่เพิ่งจะขยับตัวมาช่วย ถึงกับหยุดชะงักมองแฟนสาวด้วยความตกใจปนอึ้งในพลังที่ซ่อนเร้น แทบจะถามว่า ที่ผ่านมาแกล้งอ่อนแอมาตลอดเลยใช่ไหมที่รัก?!


ซึ่งหลังจากที่คลิปนี้ได้มีการโพสต์ออกมาแล้วก็ได้มีชาวเน็ตแห่เข้ามาคอมเนต์อย่างมากเลยทีเดียวค่ะ เช่น ขนาด ผช. ยังยกสองมือง ลืมตัวสินะ ยกมือเดียวซะงั้น , แบบนี้คงต้องขอดูบัตรประชาชนอีกทีนะ , เมื่อสามีทำอะไรช้า พลังที่แอบซ่อนมาจึงได้ออกมาใช้เป็นต้น






ภาพจาก TikTok : @aonchester


เรียบเรียงเนื้อหาโดย สยามนิวส์

ไม่ปล่อยผ่าน! หญิงป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย มาถอนเงิน 1 ล้าน ธนาคารเอะใจ แจ้ง ตร.ตรวจสอบ ถึงได้รู้ความจริง

 ไม่ปล่อยผ่าน! หญิงป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย มาถอนเงิน 1 ล้าน ธนาคารเอะใจ แจ้ง ตร.ตรวจสอบ ถึงได้รู้ความจริง (ข่าวตปท.)

เรื่องนี้มีที่มาจาก เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ ETtoday ได้มีการรายงานเรื่องราวของ หญิงวัย 72 ปี ในเมืองไถจง ของไต้หวัน ที่ได้เดินทางมายังธนาคารแห่งหนึ่งในเขตเป่ยถุน เพื่อถอนเงิน  1 ล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่ หรือประมาณ 1,050,000 บาท ในคราวเดียว พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ธนาคารว่า เธอป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย และต้องการใช้เงินสำหรับ ทริปในฝัน ในช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่เจ้าหน้าที่เกิดความกังวลว่า อาจเป็นกรณีหลอกลวง จึงแจ้งตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ 

แต่อย่างไรก็ตาม จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อหญิงนามสกุลหวัง เดินทางไปที่ธนาคารเพื่อถอนเงิน 1 ล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่ ซึ่งเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตของเธอ โดยเธอระบุว่า ต้องการใช้เงินนี้สำหรับท่องเที่ยวอย่างอิสระและช้อปปิ้ง เพื่อเติมเต็มความฝันในช่วงสุดท้ายของชีวิต เนื่องจากป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ต่อมา เจ้าหน้าที่ธนาคารซักถามเพิ่มเติม พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ และสงสัยว่าเธออาจตกเป็นเป้าหมายของแก๊งมิจฉาชีพ จึงรีบแจ้งตำรวจเข้ามาตรวจสอบ แต่หลังจากได้รับการยืนยันว่า เธอป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายจริง และตรวจสอบไม่พบว่า ถูกหลอกลวง ธนาคารจึงอนุญาตให้ถอนเงินสด โดยมีตำรวจคุ้มครองหญิงรายนี้ให้นำเงินกลับบ้านอย่างปลอดภัย



ข้อมูล ETtoday



รู้ตัวแล้ว พระผู้ใหญ่ ระดับพระราชาคณะ-เจ้าคณะจังหวัด ซุ่มคบสีกา15ปี เปย์เงิน ซื้อรถ-บ้าน-ที่ดิน 

 รู้ตัวแล้ว พระผู้ใหญ่ ระดับพระราชาคณะ-เจ้าคณะจังหวัด ซุ่มคบสีกา15ปี เปย์เงิน ซื้อรถ-บ้าน-ที่ดิน เผยสีกากอล์ฟ และ อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร เคยพูดพาดพิงถึงในคลิปวิดีโอ



วันที่ 19 ก.ค.2568 จากกรณีที่มีกระแสข่าวลือตามสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ว่า พระที่ตำรวจกำลังตรวจสอบนั้น เป็นพระระดับสมเด็จ จนมีการนำไปพาดพิงกับพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปตามวัดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งพระที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเป็นพระผู้ใหญ่ในพื้นที่ต่างจังหวัด แต่ไม่ถึงระดับสมเด็จแต่อย่างใด


รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับพระรูปดังกล่าวที่ทางตำรวจ บก.ปปป. กำลังตรวจสอบอยู่นั้นเป็นพระราชาคณะระดับชั้นธรรม มีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง หรือภาคกลางตอนบน หลังพบมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าพัวพันธ์กับสีกาลักษณะสัมพันธ์ฉาว จนถึงขั้นใช้ชีวิตอยู่กินด้วยกันในลักษณะสามีภรรยา คอยส่งเสียเลี้ยงดู ให้เงินซื้อรถ ซื้อบ้านหรู ซื่อที่ดิน และ ทรัพย์สินต่างๆ มากมาย จนกลายเป็นเศรษฐินีระดับจังหวัด มีหน้ามีตามีผู้คนนับถือมากมายในสังคม


ทั้งสองแอบคบหากันมาตั้งแต่ปี 2552 หรือ ตั้งแต่สมัยที่เจ้าตัวยังมีตำแหน่งเป็นพระราชาคณะชั้นราช รวมระยะเวลากว่า 15 ปี แต่ชาวบ้านหรือคนในพื้นที่ไม่ทราบเรื่อง เนื่องจากเข้าใจว่าสีกา หรือ เศรษฐีนีคนดังกล่าว มีฐานะร่ำรวยมาจากการที่เขามักอ้างว่ามีสามีทำงานอยู่ต่างประเทศคอยส่งเงินให้ใช้


นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ ยังพบข้อมูล ว่า พระรูปนี้ เคยดึงเงินจากวัดหลายแห่งรวมกันนับร้อยล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการก่อสร้างศาสนสถานขนาดใหญ่ ซึ่งดำเนินการมากว่า 10 ปีแต่ยังไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งเงินบางส่วนถูกโอนไปให้สีกา หรือ คนใกล้ชิด และนำไปใช้จ่ายในลักษณะผิดวัตถุประสงค์ อีกด้วย


รายงานข่าวแจ้งอีกด้วยว่า จากการตรวจสอบยังพบว่า พระรูปนี้ ตัวสีกากอล์ฟ และ อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร เคยพูดพาดพิงถึงในคลิปวิดีโอรูปหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ที่ถูกบันทึกเอาไว้ในขณะที่สีกากอล์ฟ และอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร โทรพูดคุยเจรจาปัญหาที่เกิดจากความเข้าใจผิด ซึ่งตามคลิปเสียงดังกล่าวมีการพูดพาดพิงถึงเจ้าคณะจังหวัดรูปดังกล่าวด้วย


cr. khaosod

แฉอีก! พระผู้ใหญ่ เปย์สีกาจนเป็นเศรษฐินีจังหวัด แถมอยู่กินฉันผัวเมียนานกว่า 15 ปี ซ้ำใช้เงิน 100 ล้าน สร้างวัด 10 ปี ไม่เสร็จ

 แฉอีก! พระผู้ใหญ่ เปย์สีกาจนเป็นเศรษฐินีจังหวัด แถมอยู่กินฉันผัวเมียนานกว่า 15 ปี ซ้ำใช้เงิน 100 ล้าน สร้างวัด 10 ปี ไม่เสร็จ


วันที่ 19 ก.ค. 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีตรวจสอบพระชั้นผู้ใหญ่มั่วสีกา และ ทุจริตเงินวัด ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง หลังมีผู้ส่งหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของพระรูปดังกล่าวเข้ามายังศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาฯ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาสักระยะในการตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีการกระทำผิดตามที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ โดยหลักๆจะมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมไปถึงภาพหลักฐานต่าง ๆ ให้แน่ชัด


พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวย้ำว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวลือตามสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ว่า พระที่ตำรวจกำลังตรวจสอบนั้น เป็นพระระดับสมเด็จ จนมีการนำไปพาดพิงกับพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปตามวัดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งพระที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เป็นพระผู้ใหญ่ในพื้นที่ต่างจังหวัด แต่ไม่ถึงระดับสมเด็จแต่อย่างใด


ทั้งนี้ มีรายงานว่า สำหรับพระรูปดังกล่าวที่ทางตำรวจ บก.ปปป. กำลังตรวจสอบอยู่นั้น เป็นพระราชาคณะระดับชั้นธรรม มีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง หรือภาคกลางตอนบน หลังพบมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่า พัวพันกับสีกาในลักษณะมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง จนถึงขั้นใช้ชีวิตอยู่กินด้วยกันในลักษณะสามีภรรยา คอยส่งเสียเลี้ยงดู ให้เงินซื้อรถ ซื้อบ้านหรู ซื่อที่ดิน และ ทรัพย์สินต่าง ๆ มากมาย จนกลายเป็นเศรษฐินีระดับจังหวัด รวมไปถึงมีหน้ามีตามีผู้คนนับถือมากมายในสังคม


โดยทั้งสองนั้น แอบคบหากันมาตั้งแต่ปี 2552 หรือ ตั้งแต่สมัยที่เจ้าตัวยังมีตำแหน่งเป็นพระราชาคณะชั้นราช รวมระยะเวลากว่า 15 ปี แต่ชาวบ้านหรือคนในพื้นที่ไม่ทราบเรื่อง เนื่องจากเข้าใจว่าสีกา หรือ เศรษฐีนีคนดังกล่าว มีฐานะร่ำรวยมาจากการที่เขามักอ้างว่า มีสามีทำงานอยู่ต่างประเทศคอยส่งเงินให้ใช้



เท่านั้นยังไม่พอ พระรูปนี้ ยังเคยดึงเงินจากวัดหลายแห่งรวมกันนับร้อยล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการก่อสร้างศาสนสถานขนาดใหญ่ ซึ่งดำเนินการมากว่า 10 ปีแต่ยังไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งเงินบางส่วนถูกโอนไปให้สีกา หรือ คนใกล้ชิด และนำไปใช้จ่ายในลักษณะผิดวัตถุประสงค์ อีกด้วย


รู้ตัวแล้ว แฉ ‘เจ้าคณะจว.’ พระชั้นธรรม แอบอยู่กินกับสีกา 15 ปี ใช้เงินวัดปรนเปรอจนเป็น ‘เศรษฐินี’

บิ๊กเต่า ยันข่าวลือพระระดับสมเด็จไม่เป็นความจริง เผยกำลังตรวจสอบพระที่ต่างจังหวัด เบื้องลึกแฉอยู่กินกับเมียเศรษฐีนีนานกว่า 15 ปี ส่งเสียเลี้ยงดูจนร่ำรวย


เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงกรณีตรวจสอบพระชั้นผู้ใหญ่มั่วสีกาและทุจริตเงินวัดว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง หลังมีผู้ส่งหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมของพระรูปดังกล่าวเข้ามายังศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาฯ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาสักระยะในการตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีการกระทำผิดตามที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ โดยหลักๆ จะมุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมไปถึงภาพหลักฐานต่างๆ ให้แน่ชัด


พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวย้ำว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวลือตามสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ว่า พระที่ตำรวจกำลังตรวจสอบนั้น เป็นพระระดับสมเด็จ จนมีการนำไปพาดพิงกับพระชั้นผู้ใหญ่หลายรูปตามวัดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งพระที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเป็นพระผู้ใหญ่ในพื้นที่ต่างจังหวัด แต่ไม่ถึงระดับสมเด็จแต่อย่างใด


รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับพระรูปดังกล่าวที่ทางตำรวจ บก.ปปป.กำลังตรวจสอบอยู่นั้นเป็น “พระราชาคณะ ระดับชั้นธรรม” มีตำแหน่งเป็น “เจ้าคณะจังหวัดแห่งหนึ่ง” ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง หรือภาคกลางตอนบน


หลังพบมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าพัวพันกับสีกา ลักษณะสัมพันธ์ฉาว จนถึงขั้นใช้ชีวิตอยู่กินด้วยกันในลักษณะสามีภรรยา คอยส่งเสียเลี้ยงดู ให้เงินซื้อรถ ซื้อบ้านหรู ซื่อที่ดิน และทรัพย์สินต่างๆ มากมาย จนกลายเป็น “เศรษฐินีระดับจังหวัด” มีหน้ามีตามีผู้คนนับถือมากมายในสังคม ทั้งสองแอบคบหากันมาตั้งแต่ปี 2552 หรือตั้งแต่สมัยที่เจ้าตัวยังมีตำแหน่งเป็นพระราชาคณะชั้นราช รวมระยะเวลากว่า 15 ปี แต่ชาวบ้านหรือคนในพื้นที่ไม่ทราบเรื่อง เนื่องจากเข้าใจว่าสีกา หรือเศรษฐินีคนดังกล่าวมีฐานะร่ำรวยมาจากการที่เขามักอ้างว่ามีสามีทำงานอยู่ต่างประเทศคอยส่งเงินให้ใช้


นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบข้อมูลว่า พระรูปนี้เคยดึงเงินจากวัดหลายแห่งรวมกันนับ 100 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในโครงการก่อสร้างศาสนสถานขนาดใหญ่ ซึ่งดำเนินการมากว่า 10 ปีแต่ยังไม่แล้วเสร็จ อีกทั้งเงินบางส่วนถูกโอนไปให้สีกา หรือคนใกล้ชิด และนำไปใช้จ่ายในลักษณะผิดวัตถุประสงค์อีกด้วย


รายงานข่าวแจ้งอีกด้วยว่า จากการตรวจสอบยังพบว่า พระรูปนี้ ตัวสีกากอล์ฟและอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร เคยพูดพาดพิงถึงในคลิปวิดีโอรูปหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ที่ถูกบันทึกเอาไว้ในขณะที่สีกากอล์ฟและอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร โทรพูดคุยเจรจาปัญหาที่เกิดจากความเข้าใจผิด ซึ่งตามคลิปเสียงดังกล่าวมีการพูดพาดพิงถึงเจ้าคณะจังหวัดรูปดังกล่าวด้วย

อ.โอเล่ เตือน มหาภัยพิบัติครั้งนี้ มาเปลี่ยนระบบโลกใหม่ เผยไทยจะมีข่าวดี

อ.โอเล่ เตือน มหาภัยพิบัติครั้งนี้ มาเปลี่ยนระบบโลกใหม่ เผยไทยจะมีข่าวดี



จากกรณีที่ พีท ทองเจือ เผยคลิปรายการ I KNOW YOU KNOW คนไทยเตรียมเฮเร็ว ๆ นี้มีข่าวดี พีททองเจือ x อ.โอเล่ โดยมีแขกรับเชิญ อาจารย์ โอเล่ ญาณสัมผัส โดยช่วงหนึ่งในรายการ อ.โอเล่ ได้พูดเตือนถึงเรื่องภัยพิบัติ จากสถิติที่อาจารย์เคยไปญี่ปุ่นแล้วบอกว่าไม่เกิน 5 ปี ฟูจิ จะตื่นขึ้นมา และจะเกิดแผ่นดินไหว โดย อ.โอเล่ กล่าวว่า ตามกระบวนการที่เคยศึกษา รับข้อมูลทางวิชาการมาทั้งธรณีวิทยาและโหราศาสตร์ จุดที่เรียกว่าฟูจิซัง ภูเขาไฟที่ยังไม่ตาย ยังไม่ดับสนิท พร้อมที่จะปะทุขึ้นมาได้อย่างสม่ำเสมอ ไกลออกไปมีเมืองที่มีบ่อกำมะถัน ไปต้มไข่สีดำได้









ภาพจากรายการ I KNOW YOU KNOW


อ.โอเล่ กล่าวต่อว่า ถ้าฟูจิซังตื่นหรือลูกของฟูจิซังทั้งหลาย หรือภูเขาไฟใต้น้ำก็ดี หรือร่องนันไก ก็ดีตรงนี้จะเกิดมหาภัยพิบัติร้ายแรง มหาศาล แล้วมันไปตรงกับคำว่าเปลี่ยนระบบโลกใหม่ เคยคำนวณไว้อีก 7 ปี ตอนนี้เหลือ 2-3 ปีนะ ที่การกวาดล้างของภัยธรรมชาติ มันจะเกิดขึ้น เป็นเรื่องของความเชื่อ อันนี้ใช้วิจารณญาณนะ ใช้สถิติต่าง ๆ มาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งฝั่งแปซิฟิกจะสะท้านสะเทือน อ่าวไทยอาจจะได้รับผลกระทบ ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ประมาณนี้ด้วย รอยร้าวของโลกช่วงนี้มีทุกวัน แผ่นดินจริง ๆ แล้วอาจจะเคลื่อนตัวทุกวัน แต่นับจากปี 2568 ไปอีก 2 ปี เรื่องเหล่านี้จะมีเยอะมากขึ้น



ต่อมา อ.โอเล่ ยังได้กล่าวเตือนอีกว่า มีคำหนึ่งให้ผมไปที่ประทับของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งในสมัยนั้น มีแต่เสียงร้องไห้ มีแต่ความโกลาหล เขาบอกคำพูดสั้น ๆ ว่า ทุกอย่างจะมีการชำระสะสางของทางตะวันออกทะเล สิ่งที่ตามมาหลังคำพูดสุดท้าย ดอกไม้ไฟแห่งการชำระล้าง กลัวอย่างหนึ่งคือเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ อันนี้เฉพาะวงแหวนแห่งไฟ และ แปซิฟิก ขอให้คำพูดของผมเป็นเพียงคำบอกเล่าที่เตือนกันไม่ให้ประมาทแล้วกัน ส่วนประเทศไทย มีพระสยามเทวาธิราช เชื่อจะคุ้มครองอาณาเขตสุวรรณภูมิ ศูนย์รวมความเชื่อที่เข้มแข็ง จุดพลังที่ไทย เชื่อพระสยามเทวาธิราช จะคุ้มครองอาณาเขตสุวรรณภูมิ อีกอย่างต่อไปไม่ว่าภัยทางสงคราม ภัยพิบัติ ประเทศจะอยู่รอดและยั่งยืน



ภาพจากรายการ I KNOW YOU KNOW


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจับตา คือ ร่องซุนดา การเคลื่อนไหวของแผ่นดินใต้โลก ยังต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะปีนี้ ต้องระวังปีนี้เรื่องภัยพิบัติ เรียกว่าทุกขลาภ ก็ได้ เดี๋ยวเราต้องรอฟังข่าว จะมีข่าวดีของเมืองไทย ข่าวร้ายผ่านไป ข่าวดีจะเข้ามา ในช่วงของปลาย ๆ ปี เคยทำนายไว้ แต่ไม่รู้คืออะไร



ด้าน พีท ทองเจือ กล่าวว่า ถ้าเดาคือการค้นพบ บางสิ่งบางอย่างที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทย ผมรู้แล้วด้วยว่าคืออะไร เดี๋ยวเราไปรอให้เหตุการณ์มาถึงจริง ๆ ดีกว่า



ภาพจากรายการ I KNOW YOU KNOW


ทั้งนี้ อ.โอเล่ จึงได้กล่าวทิ้งท้ายว่า อย่างที่ พี่พีท บอกอดทน ศึกษาด้วยนะ ไม่ใช่รอคอยอย่างเดียว หลังจากนี้นวัตกรรมใหม่ ๆ ความรู้ใหม่ ๆ อาจจะเกินจริง ทุกอย่างเป็นไปได้ ศึกษา อดทน และเปิดใจ เราจะได้ประโยชน์มหาศาล อยู่ที่การเปิดใจ



ราชกิจจาฯ ประกาศโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ 2 ราย

 ราชกิจจาฯ ประกาศโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ 2 ราย

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ จำนวน 2 ราย กระทรวงสาธารณสุข และ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี รายละเอียดดังนี้

ราชกิจจานุเบกษาประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายจักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘

๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ

รองนายกรัฐมนตรี

อีกฉบับ ระบุ

ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายณฐพงศ์ วรรณรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘

ประกาศ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘

๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

ภูมิธรรม เวชยชัย

รองนายกรัฐมนตรี

ด่วน!! เกิดแผ่นดินไหว ศูนย์กลางเมืองไทย เขย่าแรง 2 จุด

 กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหวประเทศไทย" ได้ออกมาเปิดข้อมูลที่เก็บบันทึกการเกิดเหตุแผ่นดินไหวให้ทราบกันของ วันที่ 19 กรฎาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 0.00 น. - 08.00 น. ว่า ตามเวลาที่รายงานมานั้น เกิดเหตุแผ่นดินไหวใกล้ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง น่าเป็นห่วง กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหวประเทศไทย พบเหตุแผ่นดินไหวศูนย์กลางเพื่อนบ้านยังสั่นไหว และที่น่าตกใจ พิกัดศูนย์กลางเกิดขึ้นที่ประเทศไทย 3 จุดทางภาคเหนือ



ขณะที่เมื่อไปดูสถานการณ์แผ่นดินไหวทั่วโลกเกิดการเขย่ารุนแรงในความสั่นที่มากกว่า 5 แมกนิจูด


19 ก.ค. 68 "เหตุการณ์แผ่นดินไหวภายในประเทศและใกล้เคียงล่าสุด"


2025-07-19 04:01:33 | แรงสั่นสะเทือนขนาด 2.4 แมกนิจูด ลึกลงไปใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร ศูนย์กลาง ประเทศเมียนมา ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 199 กม.


2025-07-19 01:18:26 | แรงสั่นสะเทือนขนาด 1.4 แมกนิจูด ลึกลงไปใต้พื้นดิน 1 กิโลเมตร ศูนย์กลาง ประเทศไทย ต.โป่งแพร่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย



2025-07-18 23:33:58 | แรงสั่นสะเทือนขนาด 2.0 แมกนิจูด ลึกลงไปใต้พื้นดิน 2 กิโลเมตร ศูนย์กลางประเทศไทย ต.แม่สูน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่


2025-07-18 23:30:44 | แรงสั่นสะเทือนขนาด 2.0 แมกนิจูด ลึกลงไปใต้พื้นดิน 1 กิโลเมตร ศูนย์กลางประเทศไทย ต.แม่สูน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่


2025-07-18 21:48:29 | แรงสั่นสะเทือนขนาด 2.7 แมกนิจูด ลึกลงไปใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร ศูนย์กลาง ประเทศเมียนมา ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 147 กม.


2025-07-18 21:46:47 | แรงสั่นสะเทือนขนาด 2.7 19.84แมกนิจูด ลึกลงไปใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร ศูนย์กลาง ประเทศเมียนมา ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 160 กม.


2025-07-18 20:40:23 | แรงสั่นสะเทือนขนาด 2.8แมกนิจูด ลึกลงไปใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร ศูนย์กลาง ประเทศเมียนมา ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 122 กม.



2025-07-18 18:59:54 | แรงสั่นสะเทือนขนาด 3.5 แมกนิจูด ลึกลงไปใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร ศูนย์กลาง ประเทศเมียนมา ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 323 กม.


2025-07-18 16:53:39 | แรงสั่นสะเทือนขนาด 2.4 แมกนิจูด ลึกลงไปใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร ศูนย์กลาง ประเทศเมียนมา ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 169 กม.


2025-07-18 16:30:05 | แรงสั่นสะเทือนขนาด 5.3 แมกนิจูด ลึกลงไปใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร ศูนย์กลาง ประเทศเมียนมาทางทิศตะวันตกเฉียง เหนือของ อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 417 กม.


2025-07-18 14:09:12 | แรงสั่นสะเทือนขนาด 4.2 แมกนิจูด ลึกลงไปใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร ศูนย์กลาง ประเทศเมียนมา ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 200 กม.


“ปอนด์ รุ่งรัตน์” ขนลุกศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต จากไม่มีงาน ไม่มีเงิน กลายเป็นคนเร่ร่อน ตอนนี้กลับมามีทุกอย่างแล้ว

 “ปอนด์ รุ่งรัตน์” เล่าไปขนลุกไปทำศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต ฟ้าเปิดงานเข้ารัวๆ ลืมความทุกข์ชีวิตพ้นวิกฤต ไม่กลายเป็นคนเร่ร่อน มีเงินจ่ายลูกหนี้ทุกคน เล็งทำตาให้ดูสว่างขึ้นกว่าเดิมอีก



ชีวิตสะดุด ตกที่นั่งลำบาก ปัญหารายล้อม ทั้งเรื่องเงินและครอบครัว สำหรับ “ปอนด์ รุ่งรัตน์ ดวงขวัญ” ที่ฝ่าวิบากกรรมมาหลายรูปแบบ จากเจ้าหนี้สู่ลูกหนี้ ไร้บ้านต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน งานหายเงินหด แม่และพี่ชายก็ป่วย ผันตัวเป็นแม่ค้าขายกางเกงยีนส์ตามตลาดนัด


ล่าสุด ปอนด์ รุ่งรัตน์ ก็กลับคืนวงการบันเทิงอีกครั้ง ในเรื่อง แซนดี้ ครูแสนดี ทาง Thai pbs เจ้าตัวได้อัปเดตชีวิตหลังฝ่าอุปสรรคมานับไม่ถ้วน


“เราโชคดีที่อย่างน้อยมีละครบ้าง เราวิกฤตมาตั้งแต่โควิด วิกฤตมากๆ จากมีแต่ลูกหนี้ จากที่เราเป็นเจ้าหนี้ กลายเป็นเรามาเป็นลูกหนี้แทนจากการช่วยเหลือคนอื่น ตอนที่วิกฤตแม่เราจากที่แข็งแรงดีเขากลายเป็นซึมเศร้า จากการที่เห็นเราวิกฤต คำว่าวิกฤตของเราคือไม่มีแม้กระทั่งที่อยู่อาศัย ไม่มีรถขับ ไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีแม้ข้าวจะกิน มันแย่ไปหมดเลย เราต้องดิ้นรนมากๆ ปีนึงละครเรื่องนึงมันแทบไม่พอใช้ไปตลอดปีอยู่แล้ว แต่โชคดีที่ยังมีงาน


ตอนนั้นเราเรียกว่าเร่ร่อนเลย ย้ายไปจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ เข้าใจว่าการไปอยู่ต่างจังหวัดจะประหยัดค่าใช้จ่ายแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย มันกลายเป็นหนักกว่าเดิมสำหรับเรา เพราะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาทำงานกรุงเทพฯ สุดท้ายก็ย้ายกลับมาหาบ้านเช่าอยู่ที่กทม.


แล้วได้พี่ชายที่เขาเป็นโรงงานขายกางเกงยีนส์ เขาก็ให้เราเอาไปขายตามตลาดนัดรถไฟ ขายเสร็จกลับมาคือต้องมาดูแลแม่ด้วย เรากลายเป็นมีอาการบ้านหมุน เราป่วยไปด้วย แต่ก็ได้พี่ท็อป-พี่ไทด์ที่มาดูแล พาแม่ไปอยู่บ้านสุขสุดท้ายพักนึง พอเราหายก็พาแม่กลับมา ช่วงนั้นชีวิตทรุดเลย พี่ชายที่เป็นจิตเวชก็หายออกจากบ้านไป ก็หายไป 9 วัน ช่วยกันตามจนเจอ”


ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต หน้าใหม่ทำฟ้าเปิด มีงาน มีเงินเข้ามา

“ก็มีเรื่องโชคดี คือได้มีโอกาสถูกเรียกไปรีวิวการศัลยกรรมหน้าคลีนิกที่คลีนิก YKJ Medical Center เขาติดต่อมา ซึ่งตอนนั้นเราหมองหม่นไปหมด หน้าตาเราก็อายุเยอะ ไม่รู้จะทำอะไร หลังจากศัลยกรรมมา 2 อาทิตย์ งานเข้าเลย มีละครติดต่อเข้ามา แล้วก็มีงานพิธีกรติดต่อมาเป็นช่องเคเบิล เขาก็เมตตาเห็นเราลำบากให้ทำรายการตอนนี้ 5 รายการ


เรารู้สึกว่าตั้งแต่เราเปลี่ยนโหงวเฮ้ง มันก็เปลี่ยนความรู้สึกเราไปด้วย ลืมไปก่อนเรื่องเก่า ลืมไปก่อนการเป็นเจ้าหนี้ เป็นลูกหนี้ ลืมไปให้หมดก่อน ดูแลแม่ดูแม่พี่ให้ดีก่อน เราก็หันมาทำให้หัวใจตัวเองมีความสุขก่อนเข้าไว้ หน้าเราดูสดใสขึ้น ทุกอย่างมันเปิดรับสิ่งดีๆ เข้ามาหมดเลย

ตัวปอนด์มีถือลิขสิทธิ์พวกเพลง หนังต่างๆ ที่ผ่านมามันมืดมนมากนะ แต่ตอนนี้อยู่ๆ ก็มีต่างประเทศมาติดต่ออยากได้งานของเราไปต่อยอด แล้วมันได้เป็นเงินก้อนด้วย มันเป็นความมหัศจรรย์สำหรับเรามาก”


พูดไปขนลุกไป ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หลังจากทำศัลยกรรมมาก็งานล้น 

“ก็ทำมาไม่ถึง 6 เดือน ตอนนี้งานล้นมากเลย ไม่รู้เพราะโหงวเฮ้งหรือเปล่า ตอนนั้นตาตก หน้าตกไปหมด คุณหมอเขาก็ทำให้ทั้งหน้าเลย เขาก็ฉีดไขมันหน้าผาก ดึงหน้า ดึงคอ ดึงตา เก็บถุงใต้ตา จมูกก็แก้ใหม่ เขาเอาของเก่าออก แล้วปรับให้ปลายเชิ่ดขึ้นนิดนึง พอทำเสร็จพักนึง คุณหมอแกก็ถามนะว่ามีงานเข้าหรือยัง เราก็คิดในใจมันเกี่ยวอะไรกับงานเข้า คุณหมอรู้ได้ยังไงว่าเรามีงานเข้ามา คุณหมอแกบอกเดี๋ยวจะมีมาเรื่อยๆ พูดไปก็ยังขนลุกไป เรื่องจริงเลยนะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อบ้างแล้ว งานเข้าจริงๆ เดี๋ยวจะมีทำตาให้สว่างขึ้นอีกค่ะ”






เคลียร์เงินคืนเจ้าหนี้ ใครที่เคยเมตตาตอนที่ตนลำบากทั้งหมด

“ใครที่เคยเมตตาเราตอนที่เราลำบาก เขาโอนเงินมาให้โดยที่เราไม่ได้ขอ เราก็คืนเขาเป็น 2  เท่า บางคนเขารวยอยู่แล้วเขาไม่เอา เราก็จะบอกว่าไม่ได้ เขาเองก็หาเงินมาไม่ได้ง่าย เรารู้ว่าเงินหายาก ก็ทยอยคืนเงินทุกคน จะบอกทุกคนว่าตอนนี้ชีวิตปอนด์ดีขึ้นมากแล้วนะ ไม่ต้องไปดิ้นรนหาเงินจ่ายค่าเช่าบ้านแล้วเพราะมีเงินประจำแล้ว ก็ยังต้องหาเงินอยู่แหละ หาทุกทางเพื่อให้เราไปต่อได้


ลูกหนี้ของปอนด์มี 2 ประเภทคือหายไปเลย ติดต่อไม่ได้เลย กับ ลูกหนี้ยังอยู่แต่เขาลำบาก แต่ก็มีทำโปรเจกต์ใหม่ๆ กันเพื่อให้เขามีรายได้เข้ามา คนกลุ่มนี้ยังจับมือกันอยู่ ถือว่าเราโชคดีอย่างน้อยวันนี้เราไม่มืดมนหนทาง คนติดต่อเข้ามาให้ทำงานค่ะ หาทางออกร่วมกัน ขนลุกเลย หลังจากที่เราทำใจให้มีความสุข ลืมความทุกข์ทั้งหมด มีใบหน้าที่สดใส ก็ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวหรือเปล่า แต่หลังจากที่เรามีใบหน้าที่สดใสขึ้น มันเปิดหมดเลย อยู่ๆ ฟ้าก็เปิด มีสิ่งดีๆ เข้ามาเยอะเลย แต่ก็ยังรับงานได้อีกนะคะ”

บิ๊กเต่า แจง พระชื่อดังเกี่ยวข้องเรื่องทุจริต – สีกา ก่อนไปกันใหญ่

 วันนี้ ( 19 ก.ค.68 ) เกี่ยวกับกระแสข่าวในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับพระชั้นผู้ใหญ่ ระดับชั้นสมเด็จ เกี่ยวข้องกับเรื่องการทุจริต และสีกา ที่ตำรวจเตรียมที่จะเข้าดำเนินการ ล่าสุดทีมข่าว ได้สอบถามไปยัง พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า เกี่ยวกับกระแสข่าวที่ออกมา ผิดเพี้ยนไปเยอะ และเล่นไม่ตรงประเด็นเท่าไหร่ ยืนยันว่าที่ตำรวจพูด เนื่องจากได้รับแจ้งข้อมูลผ่านศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ฯ เป็นเรื่องเกี่ยวพระในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่เกี่ยวข้องกับพระในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ แต่ข่าวที่ออกมาทางตำรวจรับฟัง และได้ยิน แต่ยังไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไร





ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า เกี่ยวข้องกับพระชั้นผู้ใหญ่ ระดับสมเด็จ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เผยว่า ไม่ได้ตีความไปขนาดนั้น แต่ตีความว่า ตามที่ได้รับแจ้งข้อมูลมา มีประโยชน์และเกี่ยวกับพระชั้นผู้ใหญ่ ที่สูงกว่าชั้นเทพ ซึ่งอาจจะเป็นชั้นธรรม ชั้นพรหม ชั้นสมเด็จ แต่คนนำไปตีความเลยเถิด แต่จริง ๆ ในต่างจังหวัด หลายคนจะรู้ว่าเป็นพระที่มียศขนาดไหน


สำหรับประเด็นที่บอกว่าถ้าเปิดชื่อพระออกมาแล้ว จะทำให้คนตกใจ ประเด็นนี้ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ เผยว่า จริง ๆ พระรูปที่ได้รับการร้องเรียน ก็มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักในจังหวัดอยู่แล้ว เกี่ยวกับการประพฤติตัวไม่เหมาะสม นำเงินบริจาค นำเงินของญาติโยมที่บริจาค สร้างพุทธสถานหลายปี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งจำนวนเงินหลายร้อยล้านบาท ซึงเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และยืนยันอีกครั้งว่าไม่เกี่ยวกับพระ ที่โลกโซเชียลกำลังพูดถึง จึงกลัวว่าสังคมจะเกิดความสับสน


ยืนยันว่าตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังทำเรื่องดี  ๆ ให้เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนาของเรา เรากำลังจัดการพระไม่ดี  ให้พระดี  ๆ ได้อยู่ทำหน้าที่เป็นเสาหลักให้สถาบันพระพุทธศาสนา ให้คนได้กราบไหว้ด้วยความศรัทธาจริง ๆ  และขอให้สื่อมวลชน ทำงานอยู่บนความจริง อย่าตีความไปมากมายจนเลยเถิดไป


ส่วนที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะเปิดคดีใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบ ว่ามีเรื่องสีกาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว และดำเนินการเป็นขั้น เป็นตอน และน่าจะมีความชัดเจนในอีกไม่นานนี้ ยืนยันอีกครั้งว่า ไม่เกี่ยวข้อง และไม่ใช่พระ ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้


ส่วนคดีของสีกากอล์ฟ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ขณะนี้ขบวนการสืบสวน สอบสวน ของตำรวจยังไม่เสร็จสิ้น ดังนั้น ย่อมมีอะไรเกิดขึ้นได้หมด อาจจะมี หรือไม่มีพระ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีก ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่า จะมีพระระดับ ดร. เข้ามาแจ้งความเอาผิด สีกากอล์ฟ ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน


เมียคลอดแฝด 4 สามีตกใจหนีหาย แม่ผัวขอขายหลาน 3 คน แต่คำตอบสะใภ้ทำหน้าชา!

 แม่ชาวจีนคลอดลูกแฝด 4 พ่อกลับบ้านหนีหนี้ค่ารักษา แม่สามีเสนอขายหลาน 3 คน แต่คำตอบของแม่เด็กทำหลายคนกลั้นน้ำตาไม่อยู่




เรื่องราวสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นที่มณฑลหูหนาน ประเทศจีน เมื่อ จง หยาเสียง (Zhong Yaxiang) คุณแม่ชาวจีนคลอดลูกชายแฝด 4 คนพร้อมกัน แต่แทนที่จะได้รับความช่วยเหลือและกำลังใจจากครอบครัว กลับต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และการเงินอย่างหนักหน่วง


ในตอนแรกเริ่มนั้น คุณจง ตั้งครรภ์แฝดแบบไม่คาดคิด เดิมทีตอนอัลตราซาวนด์ครั้งแรก แพทย์บอกว่าเธอตั้งครรภ์แฝด 3 แต่หลังจากตรวจซ้ำจึงพบว่าเป็นแฝด 4 ข่าวดีนี้ทำให้แม่สามีของเธอดีใจมาก ถึงขั้นพูดว่า “ยิ่งมีลูกมาก ยิ่งเป็นสิริมงคลกับบ้านนี้” แม้แพทย์จะเสนอให้ลดจำนวนตัวอ่อนเพื่อความปลอดภัยของแม่และเด็ก แต่คุณจงยืนยันจะเก็บลูกไว้ทั้งหมด และในที่สุดเธอก็คลอดลูกชายแฝด 4 ก่อนกำหนด ทั้งหมดต้องเข้าห้อง ICU ทันทีเนื่องจากเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนดและยังไม่แข็งแรงพอ


อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่แม่ยังพักฟื้นและลูกๆ ต้องนอนในห้องดูแลพิเศษ เธอพยายามโทรหาสามีและแม่สามี แต่ไม่มีใครตอบ จนกระทั่งได้รับข้อความจากสามีว่าเขา “ไม่มีปัญญาจ่ายค่ารักษา” ซึ่งแพทย์ประเมินไว้สูงถึง 400,000 หยวน (ราว 2 ล้านบาท) เขาจึงหนีหายไปและตัดขาดการติดต่อ สุดท้ายสื่อท้องถิ่นและผู้ใจบุญช่วยกันตามหาตัวพ่อเด็กจนพบว่า เขานอนเล่นเกมอยู่บ้านไม่ไยดีใดๆ กับภรรยาและลูกที่ยังอยู่โรงพยาบาล



ขณะที่แม่สามีเมื่อรู้ว่าเรื่องกลายเป็นข่าวดัง จึงเสนอไอเดียสุดช็อกว่าให้ส่งเด็ก 3 คนไปให้คนอื่นเลี้ยง โดยมีเศรษฐีหลายคนติดต่อมาขออุปการะเด็กพร้อมออกค่ารักษาพยาบาล แต่มีเงื่อนไขว่าต้องยกเด็กให้ แน่นอนว่าสามีของเธอเห็นด้วยกับแนวคิดข้างต้น แต่คุณจงกลับปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เธอบอกว่า “ลูกทั้ง 4 คนคือเลือดเนื้อของฉัน ฉันจะไม่ยอมเสียใครไปทั้งนั้น” และถึงขั้นคุกเข่าร้องไห้ขอให้ครอบครัวอย่าเอาลูกไป

สุดท้ายด้วยน้ำใจจากผู้คนและการประสานงานจากหน่วยงานท้องถิ่น ครอบครัวได้รับเงินช่วยเหลือพอสมควร เด็กทั้ง 4 คนได้รับการรักษาจนครบ 2 เดือน และกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย ต่อมา พ่อเด็กเริ่มตระหนักถึงบทบาทความเป็นพ่อและกลับมาอยู่เคียงข้างภรรยา ส่วนแม่สามีก็ไม่เคยพูดเรื่องขายหลานให้เศรษฐีอีกเลย ทางโรงเรียนอนุบาลในท้องถิ่นยังช่วยเหลือด้วยการยกเว้นค่าเล่าเรียนทั้งหมดให้ทั้ง 4 คน จนถึงปัจจุบันที่พวกเขาอายุ 7 ขวบ และเข้าเรียนระดับประถมแล้ว


เรื่องราวของคุณจงกลายเป็นแรงบันดาลใจในโลกออนไลน์จีน หลายคนยกย่องความเป็นแม่ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ขณะเดียวกันก็เป็นบทเรียนให้กับทุกครอบครัวว่า อย่ามีลูกหลายคน ถ้าไม่มี “แผนรับมือ” การตัดสินใจมีลูกจำนวนมากควรมาพร้อมการเตรียมตัว ทั้งด้านการเงินและจิตใจอย่างรอบคอบ


เตรียมพร้อมด้านการเงิน เด็กแต่ละคนต้องการทั้งค่าอาหาร ค่าเล่าเรียน ค่าแพทย์ และอื่น ๆ หากไม่มีเงินสำรองเพียงพอ ความสุขอาจกลายเป็นภาระหนัก

การเตรียมใจสำหรับความเหนื่อยล้า การเลี้ยงเด็กหลายคนไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่ยังต้องการเวลา ความอดทน และสุขภาพจิตที่แข็งแรง

เครือข่ายช่วยเหลือคือหัวใจสำคัญ ญาติ เพื่อน หรือแม้แต่ชุมชน ล้วนเป็นพลังสนับสนุนที่ทำให้พ่อแม่ไม่รู้สึกว่าอยู่คนเดียว

คุณแม่อย่าง จง หยาเสียง ไม่ใช่เพียงแค่ภาพสะท้อนของความรักที่ไม่มีเงื่อนไขระหว่างแม่กับลูก แต่ยังเตือนใจเราให้มองเห็นคุณค่าของ “ความพร้อม” ในการสร้างครอบครัว ไม่ใช่แค่ฝันถึงเสียงหัวเราะของเด็กๆ แต่ต้องมีแผนรับมือกับความจริงเมื่อวันที่เหนื่อยยากมาถึง เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง ความรักอย่างเดียวอาจไม่พอ แต่เมื่อความรักมาพร้อมความกล้าหาญและหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ ก็อาจเปลี่ยนเรื่องเศร้าให้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน

คำเตือน! ภาพแคปหน้าจอ 7 ประเภท ที่ไม่ควรบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือโดยเด็ดขาด

 ภาพแคปหน้าจอ 7 ประเภทที่ไม่ควรเก็บไว้ในโทรศัพท์เด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย แนะนำให้ผู้ใช้สำรองข้อมูลและลบภาพประเภทนี้ออกจากเครื่องทันที


เว็บไซต์ MakeUseOf ระบุว่า ภาพแคปหน้าจอมักถูกใช้เก็บข้อมูลชั่วคราว แต่หลายคนกลับไม่ชอบลบออกจากโทรศัพท์มือถือ


ที่น่ากังวลคือ มีภาพแคปหน้าจออยู่ 7 ประเภทที่มักเต็มไปด้วยข้อมูลส่วนตัวสำคัญ ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกมิจฉาชีพนำไปใช้ได้ง่าย


เพื่อความปลอดภัย แนะนำให้สำรองข้อมูลและลบภาพเหล่านี้ออกจากเครื่องโดยเร็ว


ภาพแคปหน้าจอยอดเงินในบัญชีธนาคาร


หลายคนมักแคปหน้าจอยอดเงินในบัญชีธนาคารไว้เพื่อติดตามเงินเก็บ หรือยืนยันการโอนเงิน แต่รู้หรือไม่ว่าข้อมูลเหล่านี้อาจเป็นอันตรายหากตกไปอยู่ในมือมิจฉาชีพ


เพราะภาพแคปหน้าจอธุรกรรมธนาคาร มักไม่ได้มีแค่ยอดเงินคงเหลือ แต่ยังอาจเผลอแคปติดเลขบัญชี รายการเดินบัญชี โลโก้ธนาคาร หรือแม้แต่หน้าตาแอปพลิเคชันที่ใช้งาน


หากโทรศัพท์สูญหายหรือถูกแฮก ภาพเหล่านี้อาจเผยข้อมูลสำคัญ เช่น ธนาคารที่ใช้ จำนวนเงินในบัญชี หรือแม้แต่พฤติกรรมการใช้จ่าย ซึ่งอาจทำให้โจรไซเบอร์นำไปใช้สร้างข้อความหลอกลวงที่แนบเนียน มาปลอมตัวเป็นพนักงานธนาคาร หรือใช้เป็นส่วนหนึ่งของแผนขโมยข้อมูลส่วนตัวขนาดใหญ่ได้


ดังนั้นแทนที่จะเก็บภาพเหล่านี้ไว้ในเครื่อง ควรใช้ฟังก์ชันดาวน์โหลดสเตทเมนต์หรือประวัติธุรกรรมจากแอปธนาคารโดยตรงจะปลอดภัยกว่า


ถ้าจำเป็นต้องเก็บไว้จริง ๆ ควรครอปหรือตัดข้อมูลส่วนตัวออกก่อน แล้วเก็บไว้ในโฟลเดอร์ที่ตั้งรหัสผ่านป้องกัน และลบทิ้งทันทีหลังใช้งานเสร็จ


ภาพที่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลล็อกอิน

หลายคนชอบแคปหน้าจอข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน Wi-Fi, รหัสผ่านที่บันทึกไว้ในเครื่อง หรือรหัสยืนยันแบบ 2 ชั้น (2FA) เพื่อความสะดวกในการใช้งาน

แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด การเก็บข้อมูลพวกนี้ไว้ในคลังภาพ ถือว่าเสี่ยงมาก เพราะแกลเลอรี่ภาพในโทรศัพท์ไม่ได้มีการเข้ารหัสความปลอดภัยเหมือนแอปจัดการรหัสผ่าน แถมยังมีแอปอื่น ๆ ในเครื่องที่อาจเข้าถึงภาพเหล่านี้ได้

แค่แอปมีช่องโหว่, Cloud โดนแฮก หรือมีใครยืมโทรศัพท์ไปดูภาพในเครื่อง ข้อมูลล็อกอินและรหัสผ่านทั้งหมดของคุณก็อาจถูกขโมยได้ง่าย ๆ

ดังนั้นไม่ควรเก็บรหัสผ่านไว้ในรูปภาพเด็ดขาด ควรใช้แอปจัดการรหัสผ่านที่ปลอดภัย และตั้งรหัสล็อกแอปหรือโฟลเดอร์ไว้ป้องกันอีกชั้น

ภาพถ่ายเอกสารระบุตัวตนหรือเอกสารเกี่ยวกับการเดินทาง

หลายคนมักถ่ายภาพพาสปอร์ต วีซ่า หรือใบขับขี่เก็บไว้ในโทรศัพท์ เพื่อความสะดวกเวลาเดินทาง แต่รู้หรือไม่ว่าการเก็บไว้ในเครื่องแบบนี้ไม่ได้ปลอดภัยเลย

เพราะเอกสารเหล่านี้มีข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ ทั้งชื่อ-นามสกุล วันเกิด สัญชาติ เลขเอกสาร รูปถ่าย รวมถึงลายเซ็น หากแฮกเกอร์เข้าถึงคลังภาพของคุณได้ พวกเขาก็จะได้ข้อมูลครบชุดเหมือนมี "แฟ้มประวัติส่วนตัว" ของคุณเลยทีเดียว

ทางที่ดีควรจัดเก็บภาพเหล่านี้ในแอปที่เข้ารหัสข้อมูล หรือโฟลเดอร์ที่ตั้งรหัสผ่านหรือล็อกด้วยลายนิ้วมือ และควรลบภาพเหล่านี้ออกจากเครื่องทันทีเมื่อเดินทางเสร็จ หรือเมื่อเอกสารไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป

ภาพแคปหน้าจอที่มีข้อมูลสำคัญจากบทสนทนาส่วนตัว

การแคปหน้าจอบทสนทนา ข้อความแชตส่วนตัว (DM) หรืออีเมล มักมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น เบอร์โทร ชื่อ-นามสกุล อีเมล หรือเนื้อหาส่วนตัวและข้อมูลเกี่ยวกับงานที่ไม่ควรหลุดออกไปนอกกรอบแชต

หากมีคนแฮกเข้าถึงคลังภาพ หรือบัญชี Cloud ถูกเจาะ ข้อมูลเหล่านี้ก็อาจรั่วไหลได้ง่าย และอาจถูกนำไปใช้แบล็กเมล์หรือหลอกลวงได้ในที่สุด

ถ้าจำเป็นต้องบันทึกข้อความสำคัญจริง ๆ แนะนำให้คัดลอกเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นไปเก็บไว้ในแอปโน้ตที่มีระบบความปลอดภัย หรือหากต้องแคปหน้าจอ ควรลบหรือปิดบังข้อมูลส่วนตัวก่อน แล้วเก็บไว้ในโฟลเดอร์ที่มีรหัสป้องกัน

ภาพที่มีประวัติการรักษาหรือผลตรวจสุขภาพ

ข้อมูลสุขภาพถือเป็นข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนมาก ไม่ควรเก็บไว้ในรูปแบบภาพแคปหน้าจอ เพราะภาพใบสั่งยา ผลตรวจ หรือใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล มักเผยข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อ-นามสกุล วันเวลา ข้อมูลแพทย์ รายละเอียดประกัน และสภาพสุขภาพของเรา

นอกจากจะกระทบความเป็นส่วนตัว หากข้อมูลเหล่านี้รั่วไหล ยังเสี่ยงถูกนำไปหลอกลวง ข่มขู่ หรือสร้างความเสียหายอื่น ๆ ตามมาได้

ทางที่ดีควรใช้แอปพลิเคชันทางการของโรงพยาบาลหรือผู้ให้บริการทางการแพทย์ เพราะมักมีระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมกว่า ไม่ควรเก็บข้อมูลสุขภาพไว้ในแกลเลอรี่โทรศัพท์โดยไม่จำเป็น

 

ภาพแคปหน้าจอยืนยันการสั่งซื้อหรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ


การแคปหน้าจอใบยืนยันการสั่งซื้อสินค้า บัตรเข้างาน หรือใบเสร็จต่าง ๆ อาจดูสะดวก แต่รู้หรือไม่ว่าข้อมูลเหล่านี้เสี่ยงต่อการถูกมิจฉาชีพขโมยไปใช้งาน โดยเฉพาะถ้าในภาพมี QR Code หรือบาร์โค้ด เพราะใครได้ภาพไปก็สามารถสแกนเข้าใช้งานแทนเราได้ทันที หรือแย่กว่านั้นอาจนำไปขายต่อในโลกออนไลน์ก่อนที่เจ้าของตัวจริงจะรู้ตัว


ทางที่ดี ควรพิมพ์บัตรหรือเอกสารเหล่านี้เก็บไว้เผื่อกรณีเดินทางไปในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือจะบันทึกบัตรไว้ในแอปกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง Apple Wallet หรือ Google Wallet ซึ่งมีระบบความปลอดภัยของตัวเครื่องช่วยปกป้องข้อมูลอีกชั้น


ส่วนใบเสร็จหรืออีเมลยืนยันการสั่งซื้อที่ได้รับทางอีเมล แนะนำให้เก็บไว้ในโฟลเดอร์เฉพาะภายในอีเมล แทนการแคปหน้าจอเก็บไว้ในโทรศัพท์


ภาพแคปหน้าจอเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยวกับงาน


ภาพแคปหน้าจอที่เกี่ยวกับงาน อาจทำให้ข้อมูลสำคัญของบริษัทรั่วไหลได้ เช่น รายละเอียดโครงการ หรือข้อมูลลูกค้า แม้จะเป็นภาพที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็อาจมีชื่อคน, ลิงก์เข้าสู่ระบบ, หรือข้อมูลโปรเจ็กต์ที่ยังไม่เปิดเผย ซึ่งอาจเข้าข่ายละเมิดสัญญาความลับ (NDA) หรือผิดนโยบายการรักษาความปลอดภัยของบริษัทได้


หากข้อมูลเหล่านี้รั่วไหล ไม่เพียงแต่ผู้ใช้จะเดือดร้อนกับบริษัท แต่ถ้าโทรศัพท์โดนแฮก ความเสียหายอาจขยายวงกว้างกว่าข้อมูลส่วนตัวอีกหลายเท่า


การแคปหน้าจอช่วยให้สะดวกก็จริง แต่ต้องแลกมาด้วยความรับผิดชอบเช่นกัน ทางที่ดีควรตั้งเตือนความจำไว้ทุกเดือนเพื่อลบภาพแคปหน้าจอที่ไม่จำเป็น และหากต้องเก็บข้อมูลสำคัญ ควรบันทึกไว้ในพื้นที่จัดเก็บที่ปลอดภัยเท่านั้น

แม่ทัพภาค 2 พูดแล้ว หลังกัมพูชาแอบติดกล้องบนต้นไม้ หันมาทางประสาทตาเมือนธม

  แม่ทัพภาค 2 พูดแล้ว หลังกัมพูชาแอบติดกล้องบนต้นไม้ หันมาทางประสาทตาเมือนธม



วานนี้ (18 ก.ค. 2568) พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางลงไปยังพื้นที่บริเวณ ปราสาทตาเมือนธม เพื่อรับมอบสิ่งของ รวมไปถึงให้กำลังใจกำลังพลที่ประจำการอยู่บริเวณประสาท เมื่อมาถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ได้จุดธูป-เทียน กราบสักการะพระประธานที่ตั้งประอยู่บริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการ ก่อนจะเดินไปรับมอบสิ่งของบริจาคจาก วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสุรินทร์ และสมาคมแม่บ้านทหารกองทัพภาคที่ 2 


จากนั้น แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เห็นสัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับกรณีที่ทหารกัมพูชา ได้มีการแอบติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้บนต้นไม้ และหันกล้องเข้ามายังตัวปราสาทตาเมือนถม ระบุว่า เป็นเรื่องปกติที่มีการติดตั้งกล้อง ซึ่งอาจจะมีจุดประสงค์เพื่อส่องดูพฤติกรรมทหารของตัวเอง นักท่องเที่ยว รวมไปถึงคนของฝั่งไทยว่ารุกล้ำแดนหรือไม่ ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่ ผิดข้อตกลง แต่ยืนยันว่า ไม่มีผลต่อแผนปฏิบัติการของกองทัพไทย



ส่วนเรื่องที่ทางฝ่ายกัมพูชามีการนำนายทหารนอกเครื่องแบบ และมีการจัดตั้งนักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่พลเรือนหมุนเวียนขึ้นมาที่ปราสาทตาเมือนธม ทางแม่ทัพภาคที่ 2 เผยว่า ตนได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ยังอยู่ในข้อตกลง และจากที่ดูแล้ว ทหารที่ขึ้นมาส่วนมากจะเป็นทหารที่พักเวรและมีการถอดเครื่องแบบ ซึ่งพวกเขาขึ้นมาเพื่อเยี่ยมชมปราสาท ส่วนนักท่องเที่ยวที่ทางกัมพูชาจัดตั้งอื่น ๆ เบื้องต้นได้มีการประสานกับทหารกัมพูชาแล้วว่า ให้ทหารแต่ละฝ่ายดูแลคนของตัวเองให้ดี


นอกจากนี้ พลโท บุญสิน พาดกลาง ยังได้ตอบคำถามนักข่าว ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่แม่ทัพภาคที่ 2 เดินสายออกงานบ่อย และไม่ค่อยอยู่ในพื้นที่ ระบุว่า ตนคิดไว้อยู่แล้วว่า จะต้องเจอคำถามนี้ แต่ก็ขอขอบคุณคำท้วงติง และตนขอน้อมรับไว้ แต่ยืนยันว่า ไม่กระทบภารกิจหลัก เนื่องจากสายบังคับบัญชามีหลายระดับกว่าจะมาถึงตนเอง ยืนยันว่าปฏิบัติหน้าที่เต็มที่เหมือนเดิม คำติชมต่าง ๆ อ่านทุกคอมเมนต์


ไทยมีเพียบ แพทย์แนะเครื่องดื่ม ลดไขมันในตับและเลี่ยงนิ่วในไต ใช้แค่ผลไม้ 1 แค่ชนิด หาซื้อได้ง่ายมาก

 จากเว็บต่างประเทศ ได้เผยว่า ดร.เอริก เบิร์ก (Dr. Eric Berg) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยผ่านช่องยูทูบของตนว่า การดื่มน้ำมะนาวเป็นประจำทุกวัน สามารถส่งผลดีต่อสุขภาพในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น


-ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง


-ลดไขมันพอกตับ


-ลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต


-ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด


-ชะลอกระบวนการชราภาพ


-ส่งเสริมการลดน้ำหนัก


โดยคุณหมอ อธิบายว่า น้ำมะนาวเครื่องดื่มเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางสุขภาพ มีคุณสมบัติช่วย ละลายไขมันในตับ และ ชะล้างเกลือน้ำดี ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการสะสมไขมันในตับ ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอล และยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย รวมถึงช่วยให้การทำงานของถุงน้ำดีดีขึ้น



สารอาหารสำคัญในมะนาว ช่วยเสริมการทำงานของร่างกาย เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งดีต่อหัวใจและหลอดเลือด ทั้งยังมีไฟเบอร์แบบละลายน้ำ ช่วยลดคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังมีสารอาหารที่เรียกว่า โคลีน ซึ่งส่งผลดีต่อตับ สมอง และกระบวนการเผาผลาญไขมันของร่างกาย


นอกจากนี้ ยังมีสารพฤกษเคมี เช่น ลิโมนิน (limonin) และนารินจิน (naringin) ที่มีงานวิจัยบางส่วนระบุว่าอาจช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL และไตรกลีเซอไรด์ อีกทั้งยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา


ดร.เบิร์กชี้ว่า สารซิเตรต (citrate) ในน้ำมะนาวสามารถจับตัวกับสารออกซาเลต (oxalate) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดนิ่วในไต จึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคนี้ได้ อีกทั้งยังอ้างถึงการทดลองในสัตว์ที่แสดงให้เห็นว่า การดื่มน้ำมะนาวสามารถช่วย “ยืดอายุ” และ “ชะลอความเสื่อมของร่างกาย” ได้ โดยสัตว์ทดลองที่ได้รับน้ำมะนาว มีอายุยืนขึ้นประมาณ 3 สัปดาห์จากการทดลองดื่มเพียง 5 สัปดาห์



ข้อควรระวังในการดื่มน้ำมะนาว ถึงแม้ประโยชน์จะมีมากมาย แต่ ดร.เบิร์ก ก็เตือนว่า ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมะนาวทันทีหลังอาหาร และแนะนำให้ดื่มก่อนหรือหลังมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที รวมถึงควรเจือจางน้ำมะนาวกับน้ำเปล่าให้เหมาะสมและควรใช้หลอดดูดเพื่อลดการสัมผัสกับผิวฟัน เพราะความเป็นกรดอาจกัดเคลือบฟันได้


สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร เช่น แผลในกระเพาะหรือกรดไหลย้อน ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมะนาว เพราะอาจทำให้เกิดอาการแสบหรือระคายเคือง สุดท้าย ดร.เบิร์กเน้นว่า น้ำมะนาวไม่ใช่ ยาวิเศษ และไม่สามารถรักษาโรคได้เพียงลำพัง ควรบริโภคเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่หลากหลาย มีผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไร้มัน รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ และไม่สูบบุหรี่ เพื่อดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

แพทย์เตือน! น้ำผลไม้ 1 ชนิด ไม่ผ่านการรับรองอันตรายถึงชีวิต

 


จากกรณีที่มีหญิงวัย 54 ปี ประเทศเวียดนาม เข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อตัดลำไส้ใหญ่ส่วนที่เน่าตาย หลังจากลำไส้ใหญ่อักเสบอย่างรุนแรง หลังดีท็อกซ์ด้วย น้ำมะนาว ผสมเกลือที่ทำต่อเนื่องนาน 6 เดือน รายงานว่าที่ผ่านมาหญิงรายนี้เข้ารับการรักษาด้วยอาการปวดท้อง



โดยก่อนหน้านี้เพิ่งรักษาอาการลำไส้อุดตันบางส่วนที่โรงพยาบาลท้องถิ่นและกลับบ้านได้เพียง 2 วัน อาการปวดท้องก็กลับมาอีกครั้ง พบลำไส้อุดตัน อักเสบทั่วทั้งลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ มีของเหลวในช่องท้องจำนวนมากซึ่งถือเป็นภาวะอันตรายถึงชีวิต จำเป็นต้องผ่าตัดเร่งด่วน แพทย์ได้ทำการตัดลำไส้ส่วนที่เน่าตายออก

ระบุว่า หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ลำไส้ทะลุ เกิดภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ ติดเชื้อในกระแสเลือด หรือเสียชีวิตได้ พร้อมเตือนประชาชนว่า ไม่ควรสวนล้างลำไส้หรือ ดีท็อกซ์ ด้วยน้ำมะนาว เกลือ กาแฟ หรือของเหลวที่ไม่ผ่านการรับรองทางการแพทย์ แพทย์เน้นย้ำว่า ร่างกายมีระบบขับของเสียตามธรรมชาติอยู่แล้ว เช่น ตับ ไต ลำไส้ การแทรกแซงด้วยวิธีการสวนล้างโดยไม่จำเป็น ไม่เพียงไม่มีประโยชน์ แต่ยังก่อให้เกิดอันตราย




ผัวทำหมัน แต่เมียตั้งท้อง เดือดจัดท้าตรวจ DNA วางเงินเดิมพัน 10 ล้าน ล่าสุดผลออกแล้ว!

 หนุ่มทำหมันแล้ว แต่เมียตั้งท้องอีก เถียงกันบ้านแตก เดือดจัดท้าวางเดิมพัน 10 ล้าน ล่าสุดผล DNA ออกแล้ว


เธอยังคงตั้งครรภ์หลังทำหมัน และเกือบจะเริ่มการปฏิวัติครอบครัว เมื่อเร็ว ๆ นี้ แพทย์หลู่จินเหิงได้เล่าถึงกรณีหลังการผ่าตัดที่คู่รักคู่หนึ่งเกือบล้มลงเพราะผู้หญิงคนนั้นยังตั้งครรภ์อยู่หลังจากที่ฝ่ายชายทำหมันแล้ว หาก DNA ยืนยันว่าเป็นเด็ก สามีจะโอนบ้านให้ภรรยาให้อีกฝ่าย 10 ล้านหยวน


เว็บไซต์ CTWANT ได้แชร์เคสที่น่าสนใจ โดย ดร.หลู่ จินเหิง แพทย์ชาวไต้หวัน ซึ่งโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ 泌尿科呂謹亨–大亨醫師 บอกเล่ากรณีของคู่สามีภรรยาวัยกลางคน ซึ่งมีลูก 2 คนอยู่ในวัยประถม และปัจจุบันส่มีได้ทำหมันเรียบร้อยแล้ว แม้จะตรวจพบอสุจิตกค้างเพียงเล็กน้อย แต่แพทย์ก็แจ้งว่า “โอกาสตั้งครรภ์มีน้อยมาก” อย่างไรก็ตาม เพียง 1 ปีหลังจากที่เขาทำหมัน ภรรยาก็ตั้งท้องลูกอีกครั้ง


เนื่องจากฝ่ายสามีทำหมันแล้ว เขาจึงเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่ภรรยาจะตั้งครรภ์อีก ทำให้เกิดปัญหาครอบครัวขึ้น สามีภรรยาหมางเมินกัน ภรรยายืนยันว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์นอกกฎหมายกับชายคนอื่น ส่วนสามีก็ไม่เต็มใจที่จะรับเด็กในท้อง ทั้งสองจึงตกลงกันว่าหลังเด็กเกิดมาจะตรวจ DNA เพื่อทดสอบความสัมพันธ์ทางสายเลือด



ถ้าเขาไม่ใช่พ่อของเด็ก ภรรยาจะต้องยินยอมเซ็นใบหย่า ออกจากบ้าน และเลี้ยงลูกเอง แต่ถ้าเด็กเป็นลูกของเขาจริงๆ เขาจะโอนบ้านให้เป็นชื่อของภรรยา และจะต้องจ่ายเงินให้อีกฝ่าย 10 ล้าน




ด้วยความรู้สึกเขินอายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝ่ายสามีจึงมาขอคำปรึกษาจาก ดร.หลู่ จินเหิง อธิบายว่าการผ่าตัดทำหมันแบบดั้งเดิม มีโอกาสน้อยมากที่สเปิร์มจะหาทางออกไปสู่ร่างกายของคู่นอน จากการตรวจสอบเคสในอดีต พบว่ามีโอกาสเพียง 0.04% และกรณีก็มีสถานการณ์ที่มีปริมาณเล็กน้อยของอสุจิยังคงอยู่


คุณหมออธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า บางคนจะยังคงตรวจพบสเปิร์มบางส่วนในน้ำอสุจิของพวกเขา ในช่วงเวลาครึ่งปีหรือหนึ่งปีหลังจากการทำหมัน ตามมาตรฐานโอกาสของการตั้งครรภ์ในกรณีนี้ต่ำมาก และการทำหมันถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่ในทางทฤษฎีตราบใดที่ยังมีอสุจิที่มีชีวิต ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการตั้งครรภ์ และการทำหมันแบบเก่าก็มีโอกาสมากถึง 17% ที่ “สิ่งนี้จะเกิดขึ้น”



หลังจากได้รับคำอธิบายจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ท้ายที่สุดสามีในเรืองนี้ก็สบายใจขึ้น สามารถเชื่อมั่นในตัวภรรยาของเขาได้อีกครั้ง และหลังจากที่เด็กคลอดออกมา ผลการตรวจเลือดก็ยืนยันแน่ชัดเด็กเป็นลูกของเขา

รู้แล้ว ลูกทั้ง 3 คนของ “สีกากอล์ฟ” มีใครเป็นพ่อแท้ๆ บ้าง

  หลังจากก่อนหน้านี้“หนุ่ม กรรชัย” ได้สัมภาษณ์ “สีกากอล์ฟ” ถึงเบื้องลึกชีวิตส่วนตัว เธอเล่าว่า ตนเองเป็นหญิงชาวบ้านธรรมดาจากจังหวัดพิจิตร เคยมีชีวิตสมรสกับทหารเรือแต่ใช้ชีวิตร่วมกันได้เพียง 1 ปี ก่อนจะแยกทางกัน ต่อมาเธอพบรักใหม่กับดีเจคนหนึ่งในจังหวัดพิจิตร แม้จะรู้ว่าเขามีครอบครัวอยู่แล้วก็ตาม และด้วยเหตุนี้จึงเกิดปัญหาเรื่องการรับรองบุตร จนต้องให้พระรูปหนึ่งมารับรองลูกให้แทน



May be an image of ‎2 people, television, newsroom and ‎text that says '‎۷ शरत วัย ក הוח Vate นารีพิฆาตสงฆ์#5 พระผู้ใหญ่เริงรักสีกากอล์ฟ ชิงสีกันนาว พขยังมีพระในจักรวาลเรอสีกอีกเพีย‎'‎‎


สีกากอล์ฟเปิดเผยว่า ปัจจุบันมีลูก 3 คน โดยคนโตอายุ 13 ปีแล้ว ซึ่งยังไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก เธอเคยบอกกับหนุ่ม กรรชัยด้วยว่า ในบรรดาพระทั้ง 9 รูปที่เคยเกี่ยวข้อง มีบางรูปเป็นพ่อของลูก และบางรูปมีความสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน จนนำไปสู่การตั้งครรภ์และแท้ง ทั้งโดยธรรมชาติและการยุติการตั้งครรภ์ด้วยตัวเอง


ล่าสุด หนุ่ม กรรชัย ได้เปิดคลิปสัมภาษณ์อีกครั้ง ซึ่งสีกากอล์ฟได้เล่าละเอียดถึงพ่อของลูกแต่ละคน โดยลูกคนแรกเกิดจากดีเจที่มีครอบครัวแล้ว และให้ พระสุรพล ซึ่งรู้จักกันมารับรองบุตร ส่วนลูกคนที่สองเกิดจากการแต่งงานกับ ดร.สุริยา ที่สึกจากพระแล้วมาร่วมชีวิตกันแบบถูกต้องตามกฎหมาย










ต่อมาหลังจากคลอดลูกคนที่สองได้ไม่นาน เธอตั้งครรภ์อีกครั้งกับ เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งตอนนั้นเธอยังไม่ได้เลิกรากับ ดร.สุริยา ทำให้เครียดมากและไม่ต้องการเก็บลูกคนที่สามไว้ เนื่องจากจับได้ว่าพระรูปดังกล่าวมีหญิงอื่น จึงขอเงินจากท่านไปซื้อยาขับเลือดและยุติการตั้งครรภ์ หลังจากนั้นก็เริ่มห่างกันไป


เธอเล่าว่าช่วงหนึ่ง เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก แสดงอาการไม่พอใจที่เธอตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ แต่ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มมีความระแวงกันและกัน โดยเธอเคยเห็นข้อความจากหญิงสาวรายหนึ่งส่งมาว่า “คิดถึงจัง” ทั้งที่บันทึกชื่อไว้ว่าเป็นพระ เมื่อเธอถาม ท่านไม่ตอบ แต่กลับทุบโทรศัพท์ทิ้ง


เหตุการณ์บานปลายถึงขั้นอันตราย ขณะเธอเดินทางไปเชียงใหม่กับเจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ได้มีหญิงสาวหน้าตาอ่อนวัยตามมามีเรื่องด้วย และถึงขั้นคว้าปืนของพระรูปนั้นมายิงใส่เธอ แต่โชคดีที่ปืนด้าน กระสุนไม่ลั่น ทำให้เธอรอดชีวิตมาได้



ช่วงท้าย สีกากอล์ฟกล่าวทั้งน้ำตาว่า “หนูทำยังไงก็ได้ ให้ลูกหนูมีชีวิตที่ดี” พร้อมเผยเพิ่มเติมว่า เธอรู้ตั้งแต่ต้นว่า ดร.สุริยาไม่มีฐานะ แต่ก็เลือกใช้ชีวิตร่วมกัน แต่ช่วงเวลานั้นเธอก็มีปัญหาครอบครัว กระทั่งเลิกรากับ ดร.สุริยา ก่อนจะมาเจอกับ พระมหาบุญเลิศ วัดใหม่ยายแป้น เป็นคนที่ 3

และที่มีประเด็นฮือฮาอีกคนก็คือ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยานิมิตร เป็นคนที่ 4 ที่ได้มีสัมพันธ์กันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ด้วยความที่ไม่ได้ป้องกันด้วยการสวมถุงยางอนามัยจึงตั้งท้องอีกครั้ง แต่ตอนนั้นไม่ได้มีสามีเป็นตัวเป็นตน พอรู้ว่าท้องก็ไปบอกกับท่าน แต่ท่านบอกว่าท่านไม่พร้อม


“สีกากอล์ฟ” เล่าว่าหลังจากที่ได้คิดไตรตรองแล้วก็คิดว่า ลูกอีกคนเธอเลี้ยงได้ คนนี้จึงไม่ได้ทำแท้ง เธอจึงเก็บเด็กไว้ กระทั่งลูกคลอดในปี 62 จากนั้นอีกประมาณ 3 – 4 ปี เธอรู้สึกว่าขาดสภาพคล่อง จึงได้ไปขอเงินค่าเลี้ยงดูกับ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยานิมิตร ที่เป็นพ่อของลูก แต่ท่านบอกว่าให้ได้แค่ปีละ 1 แสนบาท หรือเดือนละแค่ 8 พันกว่าเท่านั้น


อย่างไรก็ตามทาง “หนุ่ม กรรชัย” ยังบอกอีกว่า ถ้าอดีตหรือท่านเจ้าอาวาสท่านใครที่มีชื่อพาดพิงจากปากของ “สีกากอล์ฟ” สามารถออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงได้ เพราะนี่คือข้อมูลจากฝั่งของ “สีกากอล์ฟ” คนเดียว