บิ๊กเต่า แจง พระชื่อดังเกี่ยวข้องเรื่องทุจริต – สีกา ก่อนไปกันใหญ่

 วันนี้ ( 19 ก.ค.68 ) เกี่ยวกับกระแสข่าวในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับพระชั้นผู้ใหญ่ ระดับชั้นสมเด็จ เกี่ยวข้องกับเรื่องการทุจริต และสีกา ที่ตำรวจเตรียมที่จะเข้าดำเนินการ ล่าสุดทีมข่าว ได้สอบถามไปยัง พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยว่า เกี่ยวกับกระแสข่าวที่ออกมา ผิดเพี้ยนไปเยอะ และเล่นไม่ตรงประเด็นเท่าไหร่ ยืนยันว่าที่ตำรวจพูด เนื่องจากได้รับแจ้งข้อมูลผ่านศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ฯ เป็นเรื่องเกี่ยวพระในพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่เกี่ยวข้องกับพระในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ แต่ข่าวที่ออกมาทางตำรวจรับฟัง และได้ยิน แต่ยังไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไร





ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า เกี่ยวข้องกับพระชั้นผู้ใหญ่ ระดับสมเด็จ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เผยว่า ไม่ได้ตีความไปขนาดนั้น แต่ตีความว่า ตามที่ได้รับแจ้งข้อมูลมา มีประโยชน์และเกี่ยวกับพระชั้นผู้ใหญ่ ที่สูงกว่าชั้นเทพ ซึ่งอาจจะเป็นชั้นธรรม ชั้นพรหม ชั้นสมเด็จ แต่คนนำไปตีความเลยเถิด แต่จริง ๆ ในต่างจังหวัด หลายคนจะรู้ว่าเป็นพระที่มียศขนาดไหน


สำหรับประเด็นที่บอกว่าถ้าเปิดชื่อพระออกมาแล้ว จะทำให้คนตกใจ ประเด็นนี้ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ เผยว่า จริง ๆ พระรูปที่ได้รับการร้องเรียน ก็มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักในจังหวัดอยู่แล้ว เกี่ยวกับการประพฤติตัวไม่เหมาะสม นำเงินบริจาค นำเงินของญาติโยมที่บริจาค สร้างพุทธสถานหลายปี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งจำนวนเงินหลายร้อยล้านบาท ซึงเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และยืนยันอีกครั้งว่าไม่เกี่ยวกับพระ ที่โลกโซเชียลกำลังพูดถึง จึงกลัวว่าสังคมจะเกิดความสับสน


ยืนยันว่าตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังทำเรื่องดี  ๆ ให้เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนาของเรา เรากำลังจัดการพระไม่ดี  ให้พระดี  ๆ ได้อยู่ทำหน้าที่เป็นเสาหลักให้สถาบันพระพุทธศาสนา ให้คนได้กราบไหว้ด้วยความศรัทธาจริง ๆ  และขอให้สื่อมวลชน ทำงานอยู่บนความจริง อย่าตีความไปมากมายจนเลยเถิดไป


ส่วนที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะเปิดคดีใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบ ว่ามีเรื่องสีกาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว และดำเนินการเป็นขั้น เป็นตอน และน่าจะมีความชัดเจนในอีกไม่นานนี้ ยืนยันอีกครั้งว่า ไม่เกี่ยวข้อง และไม่ใช่พระ ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้


ส่วนคดีของสีกากอล์ฟ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ขณะนี้ขบวนการสืบสวน สอบสวน ของตำรวจยังไม่เสร็จสิ้น ดังนั้น ย่อมมีอะไรเกิดขึ้นได้หมด อาจจะมี หรือไม่มีพระ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีก ส่วนกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่า จะมีพระระดับ ดร. เข้ามาแจ้งความเอาผิด สีกากอล์ฟ ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน


เมียคลอดแฝด 4 สามีตกใจหนีหาย แม่ผัวขอขายหลาน 3 คน แต่คำตอบสะใภ้ทำหน้าชา!

 แม่ชาวจีนคลอดลูกแฝด 4 พ่อกลับบ้านหนีหนี้ค่ารักษา แม่สามีเสนอขายหลาน 3 คน แต่คำตอบของแม่เด็กทำหลายคนกลั้นน้ำตาไม่อยู่




เรื่องราวสะเทือนใจนี้เกิดขึ้นที่มณฑลหูหนาน ประเทศจีน เมื่อ จง หยาเสียง (Zhong Yaxiang) คุณแม่ชาวจีนคลอดลูกชายแฝด 4 คนพร้อมกัน แต่แทนที่จะได้รับความช่วยเหลือและกำลังใจจากครอบครัว กลับต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และการเงินอย่างหนักหน่วง


ในตอนแรกเริ่มนั้น คุณจง ตั้งครรภ์แฝดแบบไม่คาดคิด เดิมทีตอนอัลตราซาวนด์ครั้งแรก แพทย์บอกว่าเธอตั้งครรภ์แฝด 3 แต่หลังจากตรวจซ้ำจึงพบว่าเป็นแฝด 4 ข่าวดีนี้ทำให้แม่สามีของเธอดีใจมาก ถึงขั้นพูดว่า “ยิ่งมีลูกมาก ยิ่งเป็นสิริมงคลกับบ้านนี้” แม้แพทย์จะเสนอให้ลดจำนวนตัวอ่อนเพื่อความปลอดภัยของแม่และเด็ก แต่คุณจงยืนยันจะเก็บลูกไว้ทั้งหมด และในที่สุดเธอก็คลอดลูกชายแฝด 4 ก่อนกำหนด ทั้งหมดต้องเข้าห้อง ICU ทันทีเนื่องจากเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนดและยังไม่แข็งแรงพอ


อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่แม่ยังพักฟื้นและลูกๆ ต้องนอนในห้องดูแลพิเศษ เธอพยายามโทรหาสามีและแม่สามี แต่ไม่มีใครตอบ จนกระทั่งได้รับข้อความจากสามีว่าเขา “ไม่มีปัญญาจ่ายค่ารักษา” ซึ่งแพทย์ประเมินไว้สูงถึง 400,000 หยวน (ราว 2 ล้านบาท) เขาจึงหนีหายไปและตัดขาดการติดต่อ สุดท้ายสื่อท้องถิ่นและผู้ใจบุญช่วยกันตามหาตัวพ่อเด็กจนพบว่า เขานอนเล่นเกมอยู่บ้านไม่ไยดีใดๆ กับภรรยาและลูกที่ยังอยู่โรงพยาบาล



ขณะที่แม่สามีเมื่อรู้ว่าเรื่องกลายเป็นข่าวดัง จึงเสนอไอเดียสุดช็อกว่าให้ส่งเด็ก 3 คนไปให้คนอื่นเลี้ยง โดยมีเศรษฐีหลายคนติดต่อมาขออุปการะเด็กพร้อมออกค่ารักษาพยาบาล แต่มีเงื่อนไขว่าต้องยกเด็กให้ แน่นอนว่าสามีของเธอเห็นด้วยกับแนวคิดข้างต้น แต่คุณจงกลับปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เธอบอกว่า “ลูกทั้ง 4 คนคือเลือดเนื้อของฉัน ฉันจะไม่ยอมเสียใครไปทั้งนั้น” และถึงขั้นคุกเข่าร้องไห้ขอให้ครอบครัวอย่าเอาลูกไป

สุดท้ายด้วยน้ำใจจากผู้คนและการประสานงานจากหน่วยงานท้องถิ่น ครอบครัวได้รับเงินช่วยเหลือพอสมควร เด็กทั้ง 4 คนได้รับการรักษาจนครบ 2 เดือน และกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย ต่อมา พ่อเด็กเริ่มตระหนักถึงบทบาทความเป็นพ่อและกลับมาอยู่เคียงข้างภรรยา ส่วนแม่สามีก็ไม่เคยพูดเรื่องขายหลานให้เศรษฐีอีกเลย ทางโรงเรียนอนุบาลในท้องถิ่นยังช่วยเหลือด้วยการยกเว้นค่าเล่าเรียนทั้งหมดให้ทั้ง 4 คน จนถึงปัจจุบันที่พวกเขาอายุ 7 ขวบ และเข้าเรียนระดับประถมแล้ว


เรื่องราวของคุณจงกลายเป็นแรงบันดาลใจในโลกออนไลน์จีน หลายคนยกย่องความเป็นแม่ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ขณะเดียวกันก็เป็นบทเรียนให้กับทุกครอบครัวว่า อย่ามีลูกหลายคน ถ้าไม่มี “แผนรับมือ” การตัดสินใจมีลูกจำนวนมากควรมาพร้อมการเตรียมตัว ทั้งด้านการเงินและจิตใจอย่างรอบคอบ


เตรียมพร้อมด้านการเงิน เด็กแต่ละคนต้องการทั้งค่าอาหาร ค่าเล่าเรียน ค่าแพทย์ และอื่น ๆ หากไม่มีเงินสำรองเพียงพอ ความสุขอาจกลายเป็นภาระหนัก

การเตรียมใจสำหรับความเหนื่อยล้า การเลี้ยงเด็กหลายคนไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่ยังต้องการเวลา ความอดทน และสุขภาพจิตที่แข็งแรง

เครือข่ายช่วยเหลือคือหัวใจสำคัญ ญาติ เพื่อน หรือแม้แต่ชุมชน ล้วนเป็นพลังสนับสนุนที่ทำให้พ่อแม่ไม่รู้สึกว่าอยู่คนเดียว

คุณแม่อย่าง จง หยาเสียง ไม่ใช่เพียงแค่ภาพสะท้อนของความรักที่ไม่มีเงื่อนไขระหว่างแม่กับลูก แต่ยังเตือนใจเราให้มองเห็นคุณค่าของ “ความพร้อม” ในการสร้างครอบครัว ไม่ใช่แค่ฝันถึงเสียงหัวเราะของเด็กๆ แต่ต้องมีแผนรับมือกับความจริงเมื่อวันที่เหนื่อยยากมาถึง เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง ความรักอย่างเดียวอาจไม่พอ แต่เมื่อความรักมาพร้อมความกล้าหาญและหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ ก็อาจเปลี่ยนเรื่องเศร้าให้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ใครอีกหลายคน

คำเตือน! ภาพแคปหน้าจอ 7 ประเภท ที่ไม่ควรบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือโดยเด็ดขาด

 ภาพแคปหน้าจอ 7 ประเภทที่ไม่ควรเก็บไว้ในโทรศัพท์เด็ดขาด เพื่อความปลอดภัย แนะนำให้ผู้ใช้สำรองข้อมูลและลบภาพประเภทนี้ออกจากเครื่องทันที


เว็บไซต์ MakeUseOf ระบุว่า ภาพแคปหน้าจอมักถูกใช้เก็บข้อมูลชั่วคราว แต่หลายคนกลับไม่ชอบลบออกจากโทรศัพท์มือถือ


ที่น่ากังวลคือ มีภาพแคปหน้าจออยู่ 7 ประเภทที่มักเต็มไปด้วยข้อมูลส่วนตัวสำคัญ ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกมิจฉาชีพนำไปใช้ได้ง่าย


เพื่อความปลอดภัย แนะนำให้สำรองข้อมูลและลบภาพเหล่านี้ออกจากเครื่องโดยเร็ว


ภาพแคปหน้าจอยอดเงินในบัญชีธนาคาร


หลายคนมักแคปหน้าจอยอดเงินในบัญชีธนาคารไว้เพื่อติดตามเงินเก็บ หรือยืนยันการโอนเงิน แต่รู้หรือไม่ว่าข้อมูลเหล่านี้อาจเป็นอันตรายหากตกไปอยู่ในมือมิจฉาชีพ


เพราะภาพแคปหน้าจอธุรกรรมธนาคาร มักไม่ได้มีแค่ยอดเงินคงเหลือ แต่ยังอาจเผลอแคปติดเลขบัญชี รายการเดินบัญชี โลโก้ธนาคาร หรือแม้แต่หน้าตาแอปพลิเคชันที่ใช้งาน


หากโทรศัพท์สูญหายหรือถูกแฮก ภาพเหล่านี้อาจเผยข้อมูลสำคัญ เช่น ธนาคารที่ใช้ จำนวนเงินในบัญชี หรือแม้แต่พฤติกรรมการใช้จ่าย ซึ่งอาจทำให้โจรไซเบอร์นำไปใช้สร้างข้อความหลอกลวงที่แนบเนียน มาปลอมตัวเป็นพนักงานธนาคาร หรือใช้เป็นส่วนหนึ่งของแผนขโมยข้อมูลส่วนตัวขนาดใหญ่ได้


ดังนั้นแทนที่จะเก็บภาพเหล่านี้ไว้ในเครื่อง ควรใช้ฟังก์ชันดาวน์โหลดสเตทเมนต์หรือประวัติธุรกรรมจากแอปธนาคารโดยตรงจะปลอดภัยกว่า


ถ้าจำเป็นต้องเก็บไว้จริง ๆ ควรครอปหรือตัดข้อมูลส่วนตัวออกก่อน แล้วเก็บไว้ในโฟลเดอร์ที่ตั้งรหัสผ่านป้องกัน และลบทิ้งทันทีหลังใช้งานเสร็จ


ภาพที่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลล็อกอิน

หลายคนชอบแคปหน้าจอข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน Wi-Fi, รหัสผ่านที่บันทึกไว้ในเครื่อง หรือรหัสยืนยันแบบ 2 ชั้น (2FA) เพื่อความสะดวกในการใช้งาน

แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด การเก็บข้อมูลพวกนี้ไว้ในคลังภาพ ถือว่าเสี่ยงมาก เพราะแกลเลอรี่ภาพในโทรศัพท์ไม่ได้มีการเข้ารหัสความปลอดภัยเหมือนแอปจัดการรหัสผ่าน แถมยังมีแอปอื่น ๆ ในเครื่องที่อาจเข้าถึงภาพเหล่านี้ได้

แค่แอปมีช่องโหว่, Cloud โดนแฮก หรือมีใครยืมโทรศัพท์ไปดูภาพในเครื่อง ข้อมูลล็อกอินและรหัสผ่านทั้งหมดของคุณก็อาจถูกขโมยได้ง่าย ๆ

ดังนั้นไม่ควรเก็บรหัสผ่านไว้ในรูปภาพเด็ดขาด ควรใช้แอปจัดการรหัสผ่านที่ปลอดภัย และตั้งรหัสล็อกแอปหรือโฟลเดอร์ไว้ป้องกันอีกชั้น

ภาพถ่ายเอกสารระบุตัวตนหรือเอกสารเกี่ยวกับการเดินทาง

หลายคนมักถ่ายภาพพาสปอร์ต วีซ่า หรือใบขับขี่เก็บไว้ในโทรศัพท์ เพื่อความสะดวกเวลาเดินทาง แต่รู้หรือไม่ว่าการเก็บไว้ในเครื่องแบบนี้ไม่ได้ปลอดภัยเลย

เพราะเอกสารเหล่านี้มีข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ ทั้งชื่อ-นามสกุล วันเกิด สัญชาติ เลขเอกสาร รูปถ่าย รวมถึงลายเซ็น หากแฮกเกอร์เข้าถึงคลังภาพของคุณได้ พวกเขาก็จะได้ข้อมูลครบชุดเหมือนมี "แฟ้มประวัติส่วนตัว" ของคุณเลยทีเดียว

ทางที่ดีควรจัดเก็บภาพเหล่านี้ในแอปที่เข้ารหัสข้อมูล หรือโฟลเดอร์ที่ตั้งรหัสผ่านหรือล็อกด้วยลายนิ้วมือ และควรลบภาพเหล่านี้ออกจากเครื่องทันทีเมื่อเดินทางเสร็จ หรือเมื่อเอกสารไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป

ภาพแคปหน้าจอที่มีข้อมูลสำคัญจากบทสนทนาส่วนตัว

การแคปหน้าจอบทสนทนา ข้อความแชตส่วนตัว (DM) หรืออีเมล มักมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น เบอร์โทร ชื่อ-นามสกุล อีเมล หรือเนื้อหาส่วนตัวและข้อมูลเกี่ยวกับงานที่ไม่ควรหลุดออกไปนอกกรอบแชต

หากมีคนแฮกเข้าถึงคลังภาพ หรือบัญชี Cloud ถูกเจาะ ข้อมูลเหล่านี้ก็อาจรั่วไหลได้ง่าย และอาจถูกนำไปใช้แบล็กเมล์หรือหลอกลวงได้ในที่สุด

ถ้าจำเป็นต้องบันทึกข้อความสำคัญจริง ๆ แนะนำให้คัดลอกเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นไปเก็บไว้ในแอปโน้ตที่มีระบบความปลอดภัย หรือหากต้องแคปหน้าจอ ควรลบหรือปิดบังข้อมูลส่วนตัวก่อน แล้วเก็บไว้ในโฟลเดอร์ที่มีรหัสป้องกัน

ภาพที่มีประวัติการรักษาหรือผลตรวจสุขภาพ

ข้อมูลสุขภาพถือเป็นข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนมาก ไม่ควรเก็บไว้ในรูปแบบภาพแคปหน้าจอ เพราะภาพใบสั่งยา ผลตรวจ หรือใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล มักเผยข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อ-นามสกุล วันเวลา ข้อมูลแพทย์ รายละเอียดประกัน และสภาพสุขภาพของเรา

นอกจากจะกระทบความเป็นส่วนตัว หากข้อมูลเหล่านี้รั่วไหล ยังเสี่ยงถูกนำไปหลอกลวง ข่มขู่ หรือสร้างความเสียหายอื่น ๆ ตามมาได้

ทางที่ดีควรใช้แอปพลิเคชันทางการของโรงพยาบาลหรือผู้ให้บริการทางการแพทย์ เพราะมักมีระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมกว่า ไม่ควรเก็บข้อมูลสุขภาพไว้ในแกลเลอรี่โทรศัพท์โดยไม่จำเป็น

 

ภาพแคปหน้าจอยืนยันการสั่งซื้อหรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ


การแคปหน้าจอใบยืนยันการสั่งซื้อสินค้า บัตรเข้างาน หรือใบเสร็จต่าง ๆ อาจดูสะดวก แต่รู้หรือไม่ว่าข้อมูลเหล่านี้เสี่ยงต่อการถูกมิจฉาชีพขโมยไปใช้งาน โดยเฉพาะถ้าในภาพมี QR Code หรือบาร์โค้ด เพราะใครได้ภาพไปก็สามารถสแกนเข้าใช้งานแทนเราได้ทันที หรือแย่กว่านั้นอาจนำไปขายต่อในโลกออนไลน์ก่อนที่เจ้าของตัวจริงจะรู้ตัว


ทางที่ดี ควรพิมพ์บัตรหรือเอกสารเหล่านี้เก็บไว้เผื่อกรณีเดินทางไปในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือจะบันทึกบัตรไว้ในแอปกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง Apple Wallet หรือ Google Wallet ซึ่งมีระบบความปลอดภัยของตัวเครื่องช่วยปกป้องข้อมูลอีกชั้น


ส่วนใบเสร็จหรืออีเมลยืนยันการสั่งซื้อที่ได้รับทางอีเมล แนะนำให้เก็บไว้ในโฟลเดอร์เฉพาะภายในอีเมล แทนการแคปหน้าจอเก็บไว้ในโทรศัพท์


ภาพแคปหน้าจอเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยวกับงาน


ภาพแคปหน้าจอที่เกี่ยวกับงาน อาจทำให้ข้อมูลสำคัญของบริษัทรั่วไหลได้ เช่น รายละเอียดโครงการ หรือข้อมูลลูกค้า แม้จะเป็นภาพที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็อาจมีชื่อคน, ลิงก์เข้าสู่ระบบ, หรือข้อมูลโปรเจ็กต์ที่ยังไม่เปิดเผย ซึ่งอาจเข้าข่ายละเมิดสัญญาความลับ (NDA) หรือผิดนโยบายการรักษาความปลอดภัยของบริษัทได้


หากข้อมูลเหล่านี้รั่วไหล ไม่เพียงแต่ผู้ใช้จะเดือดร้อนกับบริษัท แต่ถ้าโทรศัพท์โดนแฮก ความเสียหายอาจขยายวงกว้างกว่าข้อมูลส่วนตัวอีกหลายเท่า


การแคปหน้าจอช่วยให้สะดวกก็จริง แต่ต้องแลกมาด้วยความรับผิดชอบเช่นกัน ทางที่ดีควรตั้งเตือนความจำไว้ทุกเดือนเพื่อลบภาพแคปหน้าจอที่ไม่จำเป็น และหากต้องเก็บข้อมูลสำคัญ ควรบันทึกไว้ในพื้นที่จัดเก็บที่ปลอดภัยเท่านั้น

แม่ทัพภาค 2 พูดแล้ว หลังกัมพูชาแอบติดกล้องบนต้นไม้ หันมาทางประสาทตาเมือนธม

  แม่ทัพภาค 2 พูดแล้ว หลังกัมพูชาแอบติดกล้องบนต้นไม้ หันมาทางประสาทตาเมือนธม



วานนี้ (18 ก.ค. 2568) พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางลงไปยังพื้นที่บริเวณ ปราสาทตาเมือนธม เพื่อรับมอบสิ่งของ รวมไปถึงให้กำลังใจกำลังพลที่ประจำการอยู่บริเวณประสาท เมื่อมาถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ได้จุดธูป-เทียน กราบสักการะพระประธานที่ตั้งประอยู่บริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการ ก่อนจะเดินไปรับมอบสิ่งของบริจาคจาก วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสุรินทร์ และสมาคมแม่บ้านทหารกองทัพภาคที่ 2 


จากนั้น แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เห็นสัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับกรณีที่ทหารกัมพูชา ได้มีการแอบติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้บนต้นไม้ และหันกล้องเข้ามายังตัวปราสาทตาเมือนถม ระบุว่า เป็นเรื่องปกติที่มีการติดตั้งกล้อง ซึ่งอาจจะมีจุดประสงค์เพื่อส่องดูพฤติกรรมทหารของตัวเอง นักท่องเที่ยว รวมไปถึงคนของฝั่งไทยว่ารุกล้ำแดนหรือไม่ ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่ ผิดข้อตกลง แต่ยืนยันว่า ไม่มีผลต่อแผนปฏิบัติการของกองทัพไทย



ส่วนเรื่องที่ทางฝ่ายกัมพูชามีการนำนายทหารนอกเครื่องแบบ และมีการจัดตั้งนักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่พลเรือนหมุนเวียนขึ้นมาที่ปราสาทตาเมือนธม ทางแม่ทัพภาคที่ 2 เผยว่า ตนได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ยังอยู่ในข้อตกลง และจากที่ดูแล้ว ทหารที่ขึ้นมาส่วนมากจะเป็นทหารที่พักเวรและมีการถอดเครื่องแบบ ซึ่งพวกเขาขึ้นมาเพื่อเยี่ยมชมปราสาท ส่วนนักท่องเที่ยวที่ทางกัมพูชาจัดตั้งอื่น ๆ เบื้องต้นได้มีการประสานกับทหารกัมพูชาแล้วว่า ให้ทหารแต่ละฝ่ายดูแลคนของตัวเองให้ดี


นอกจากนี้ พลโท บุญสิน พาดกลาง ยังได้ตอบคำถามนักข่าว ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่แม่ทัพภาคที่ 2 เดินสายออกงานบ่อย และไม่ค่อยอยู่ในพื้นที่ ระบุว่า ตนคิดไว้อยู่แล้วว่า จะต้องเจอคำถามนี้ แต่ก็ขอขอบคุณคำท้วงติง และตนขอน้อมรับไว้ แต่ยืนยันว่า ไม่กระทบภารกิจหลัก เนื่องจากสายบังคับบัญชามีหลายระดับกว่าจะมาถึงตนเอง ยืนยันว่าปฏิบัติหน้าที่เต็มที่เหมือนเดิม คำติชมต่าง ๆ อ่านทุกคอมเมนต์


ไทยมีเพียบ แพทย์แนะเครื่องดื่ม ลดไขมันในตับและเลี่ยงนิ่วในไต ใช้แค่ผลไม้ 1 แค่ชนิด หาซื้อได้ง่ายมาก

 จากเว็บต่างประเทศ ได้เผยว่า ดร.เอริก เบิร์ก (Dr. Eric Berg) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยผ่านช่องยูทูบของตนว่า การดื่มน้ำมะนาวเป็นประจำทุกวัน สามารถส่งผลดีต่อสุขภาพในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น


-ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง


-ลดไขมันพอกตับ


-ลดความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต


-ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด


-ชะลอกระบวนการชราภาพ


-ส่งเสริมการลดน้ำหนัก


โดยคุณหมอ อธิบายว่า น้ำมะนาวเครื่องดื่มเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางสุขภาพ มีคุณสมบัติช่วย ละลายไขมันในตับ และ ชะล้างเกลือน้ำดี ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการสะสมไขมันในตับ ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอล และยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย รวมถึงช่วยให้การทำงานของถุงน้ำดีดีขึ้น



สารอาหารสำคัญในมะนาว ช่วยเสริมการทำงานของร่างกาย เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งดีต่อหัวใจและหลอดเลือด ทั้งยังมีไฟเบอร์แบบละลายน้ำ ช่วยลดคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังมีสารอาหารที่เรียกว่า โคลีน ซึ่งส่งผลดีต่อตับ สมอง และกระบวนการเผาผลาญไขมันของร่างกาย


นอกจากนี้ ยังมีสารพฤกษเคมี เช่น ลิโมนิน (limonin) และนารินจิน (naringin) ที่มีงานวิจัยบางส่วนระบุว่าอาจช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL และไตรกลีเซอไรด์ อีกทั้งยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา


ดร.เบิร์กชี้ว่า สารซิเตรต (citrate) ในน้ำมะนาวสามารถจับตัวกับสารออกซาเลต (oxalate) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดนิ่วในไต จึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคนี้ได้ อีกทั้งยังอ้างถึงการทดลองในสัตว์ที่แสดงให้เห็นว่า การดื่มน้ำมะนาวสามารถช่วย “ยืดอายุ” และ “ชะลอความเสื่อมของร่างกาย” ได้ โดยสัตว์ทดลองที่ได้รับน้ำมะนาว มีอายุยืนขึ้นประมาณ 3 สัปดาห์จากการทดลองดื่มเพียง 5 สัปดาห์



ข้อควรระวังในการดื่มน้ำมะนาว ถึงแม้ประโยชน์จะมีมากมาย แต่ ดร.เบิร์ก ก็เตือนว่า ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมะนาวทันทีหลังอาหาร และแนะนำให้ดื่มก่อนหรือหลังมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที รวมถึงควรเจือจางน้ำมะนาวกับน้ำเปล่าให้เหมาะสมและควรใช้หลอดดูดเพื่อลดการสัมผัสกับผิวฟัน เพราะความเป็นกรดอาจกัดเคลือบฟันได้


สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร เช่น แผลในกระเพาะหรือกรดไหลย้อน ควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมะนาว เพราะอาจทำให้เกิดอาการแสบหรือระคายเคือง สุดท้าย ดร.เบิร์กเน้นว่า น้ำมะนาวไม่ใช่ ยาวิเศษ และไม่สามารถรักษาโรคได้เพียงลำพัง ควรบริโภคเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่หลากหลาย มีผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไร้มัน รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ และไม่สูบบุหรี่ เพื่อดูแลสุขภาพแบบองค์รวม