Showing posts with label news. Show all posts
Showing posts with label news. Show all posts

กระทรวงต่างประเทศ แถลงประณามกัมพูชาขั้นสูงสุด

  กระทรวงต่างประเทศ แถลงประณามกัมพูชาขั้นสูงสุด



นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมาแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารในพื้นที่ระหว่างการลาดตระเวน ส่งผลให้ทหาร 2 นายได้รับบาดเจ็บ และอีก 1 นายสูญเสียขาซ้าย โดยมีใจความดังนี้


ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 1568 กําลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทําการ ลาดตระเวนตามปกติในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหาร นั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงาน ความมั่นคงตรวจพบนําไปสู่ข้อสรุปได้ว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง



รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทําที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สําคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทําที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดําเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง ๆ ที่มีอยู่ และขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดนตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันภายในกรอบทวิภาคี


นายนิกรเดชกล่าวด้วยว่า เหตุกําลังพลของไทยเหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ทําให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย โดยหนึ่งนายข้อเท้าซ้ายขาด ปัจจุบันทหารทุกนายอาการปลอดภัยและอยู่ระหว่างการพัก รักษาตัวที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์จังหวัดอุบลราชธานี กระทรวงการต่างประเทศได้แถลงแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปก่อนหน้านี้ และขอให้ ทหารไทยทุกนายที่ได้รับบาดเจ็บฟื้นตัวโดยเร็ว



สําหรับประเด็นเกี่ยวกับทุ่นระเบิดในพื้นที่นั้นกองทัพบกและกองทัพภาคที่ 2 ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ วันที่ 19 ก.ค.2568 ภายหลังการตรวจสอบของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันว่าทุ่นระเบิด 8 ลูกที่พบเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่และไม่มีในการใช้งานหรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย


ในขณะที่วันนี้ วันอาทิตย์ที่ 20 ก.ค.2568 ได้มีการประชุมฝ่ายเลขานุการของ ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก.ซึ่งเป็นการประชุมระดับปฏิบัติเพื่อแลกเปลี่ยนและจัดเตรียมข้อมูลเพื่อนําเสนอแนวทางการดําเนินการในด้านต่างๆ ให้ที่ประชุม ศบ.ทก.ที่มีกําหนดประชุมในวันพรุ่งนี้ พิจารณาต่อไป


ซึ่งผมได้กล่าวไปในการแถลงข่าวก่อนหน้านี้ว่าเรื่องนี้มีรายละเอียดค่อนข้างมากและมีกรอบการดําเนินการหลายกรอบ ฝ่ายไทยจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงแนวทางการดําเนินการในเรื่องนี้ต่อไป วันนี้กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ออกแถลง การณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายนิกรเดช กล่าว


นายนิกรเดช กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า นี่ก็คือช่วงที่สถานการณ์มีความละเอียดอ่อน การสื่อสารในสังคมโดยเฉพาะในช่อง ทางสื่อสังคมออนไลน์อาจจะนําไปสู่ความเข้าใจผิด หรือสร้างความแตกแยกโดยไม่ได้ตั้งใจ กระทรวงการต่างประเทศขอให้สังคมเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจาก ทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายความมั่นคง เพื่อความสามัคคีกันของคนในชาติซึ่งเป็นสิ่งสําคัญที่สุดในยามนี้

ทิดสฤษดิ์ แอบซุกเมียถึง 3 คน สีกาคนแฉเรื่อง เป็นถึงระดับอาจารย์ แค้นรักหลายเส้า

  ทิดสฤษดิ์ แอบซุกเมียถึง 3 คน สีกาคนแฉเรื่อง เป็นถึงระดับอาจารย์ แค้นรักหลายเส้า



จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ ทิดสฤษดิ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขา พร้อมขอออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสและเจ้าคณะจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยอ้างปัญหาด้านสุขภาพ


ล่าสุด วันที่ 21 ก.ค.68 ตำรวจ บก.ปปป. ยังคงมุ่งเน้นดำเนินการตรวจสอบ เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดว่ ามีการทุจริตเงินวัดไปใช้ส่วนตัวหรือไม่ จากข้อมูลแนวทางสืบสวนของเจ้าหน้าที่เบื้องต้นทราบว่า ช่วงระหว่างดำเนินการก่อสร้างโครงการพุทธอุทยาน อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ หรือ ทิดสฤษดิ์ เรี่ยไรเงินบริจาคจากวัดต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ เป็นจำนวนมาก



บางวัดช่วยเหลือเงินสนับสนุนให้ครั้งละหลักสิบล้านบาท รวมเป็นเงินกว่าร้อยล้านบาท แต่ท้ายที่สุดเงินบริจาคดังกล่าว กลับไม่ได้ถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างโครงการพุทธอุทยาน ตามที่ทิดสฤษดิ์เคยกล่าวอ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่มีหลักฐานเป็นภาพกองเงินบริจาคจำนวนมากดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ใช้ในการก่อสร้าง


มีรายงานด้วยว่า อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ หรือ ทิดสฤษดิ์ มีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าพัวพันกับ สีกา เป็นถึงเศรษฐินี ในสัมพันธ์เป็นลักษณะสามีภรรยา แอบคบหามานานกว่า 15 ปี หลังพบแชตข้อความสนทนาที่บ่งชี้ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง



ที่สำคัญยังพบด้วยว่า อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ หรือ ทิดสฤษดิ์ ไม่ได้คบสีกาเพียงแค่คนเดียว ยังมีเมียอีกคนคือ สีกา เป็นถึงระดับอาจารย์ โดยยังพบด้วยว่าเป็นคนร้องเรียนเรื่องราวระหว่าง ทิดสฤษดิ์ กับ สีกาที่เป็นเศรษฐินี


โดยเฟซบุ๊กเพจ ท่านเปา โพสต์ข้อความระบุว่า อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ใช้ชีวิตแบบสองใบ ซุกซ่อนเมียหลวงนาน 15 ปี เปย์จนรวยระดับเศรษฐินี ขณะเมียน้อยที่รู้ความจริง แค้นจัดจึงนำข้อมูลไปแจ้งตำรวจ ทั้งที่ตัวเองก็ได้ดี เป็นผู้บริหารข้าราชการระดับสูงในแวดวงการสงฆ์เหมือนกัน


ไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะมีข้อมูลด้วยว่า อดีตพระธรรมวชิรธีรคุณ หรือ ทิดสฤษดิ์ ยังมีความใกล้ชิดกับอีก 1 สีกา ซึ่งเคยหย่าร้างกับสามีด้วย


อัพเดทเส้นทางพายุโซนร้อนกำลังแรง วิภา กำลังเคลื่อนตัว จ่อขึ้นฝั่ง

 วันที่ 21 ก.ค. 68 กรมอุตุนิยมวิทยา อัพเดทสถานการณ์และเส้นทางพายุโซนร้อนกำลังแรง วิภา(WIPHA) เช้าวันนี้(21/7/68) เช้าวันนี้มีศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองจ้านเจียง มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตก (พายุนี้เคลื่อนตัวเร็ว) คาดว่าจะเคลื่อนตัวตามแนวชายฝั่งประเทศจีน เข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย คาดว่าจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามเวียดตอนบนในเช้าวันพรุ่งนี้(22/7/68) และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ



แม้พายุนี้จะกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อใกล้เข้าสู่ประเทศไทยแล้วก็ตาม แต่จะส่งผลกระทบทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคกลางด้านตะวันตก ต้องระวังฝนตกหนัก ฝนตกสะสม อาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ในพื้นที่ดังกล่าว

โดยเฉพาะช่วง 22-24 ก.ค.68 ต้องเตรียมการรับมือและเตรียมความพร้อมหากจำเป็นต้องอพยพ รวมทั้งอาจมีลมแรงหลายพื้นที่ และคลื่นลมมีกำลังแรง โดยตั้งแต่ 21 - 25 ก.ค.68 ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระวัง คลื่นลมแรง เรือเล็กงดออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด ยังต้องติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด


เตือนแล้วนะ 3 อาหาร "ไม่ควร" ใส่หม้อทอดไร้น้ำมัน ไม่อร่อย เสี่ยงมะเร็ง แถมอาจระเบิด!!!

  เตือนภัย! อาหาร 3 ประเภท ที่ไม่ควรนำไปใส่ใน "หม้อทอดไร้น้ำมัน" ทั้งเสียรสชาติ–ก่อมะเร็ง–อันตรายถึงขั้นระเบิด



หม้อทอดไร้น้ำมัน กำลังกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ายอดนิยมในครัวเรือนปัจจุบัน ด้วยจุดเด่นที่สามารถทำให้อาหารกรอบอร่อยโดยไม่ต้องใช้น้ำมันมากๆ อย่างไรก็ตาม หากใช้งานผิดวิธี หรือเลือกใช้กับอาหารที่ไม่เหมาะสม ก็อาจส่งผลเสียอย่างร้ายแรงได้เช่นเดียวกัน ไม่เพียงแต่อาหารจะไม่อร่อยเท่านั้น แต่ยังเสี่ยงก่อให้เกิดสารก่อมะเร็ง และแม้กระทั่งเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้หรือระเบิดได้


อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ SOHA ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนว่า มีอาหารบางประเภทที่ "ห้ามเด็ดขาด" สำหรับการใช้งานหม้อทอดไร้น้ำมัน 

1. ผักใบอ่อน

ผักใบอ่อน เช่น ผักบุ้ง ผักกาด ผักโขม ฯลฯ ไม่เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้หม้อทอดไร้น้ำมัน เนื่องจากผักเหล่านี้มีเนื้อสัมผัสบางเบา เมื่อเจอกับลมร้อนความเร็วสูงภายในหม้อ อาจทำให้ใบผักปลิวไปติดกับส่วนทำความร้อนจนไหม้ ส่งกลิ่นเหม็นไหม้ มีรสขม และที่ร้ายแรงกว่านั้นคือ อาจเกิดสาร "พีเอเอช" (PAHs) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ที่มักเกิดขึ้นเมื่ออาหารไหม้เกรียมที่อุณหภูมิสูง

นอกจากนี้ ความร้อนสูงยังทำลายคุณค่าทางโภชนาการของผัก และทำให้เนื้อสัมผัสแข็งกระด้าง ไม่น่ารับประทาน รสชาติไม่อร่อย ทางที่ดีควรเปลี่ยนมานึ่ง หรือนำไปผัดแทน เพื่อรักษาทั้งรสชาติ สีของอาหาร และคุณค่าทางโภชนาการ

2. อาหารที่มีซอสหรือของเหลวมาก



อาหารที่มีน้ำซอส เช่น ปลาทอดราดซอส, ซี่โครงหมูอบเปรี้ยวหวาน, ไก่สามรส ฯลฯ ไม่ควรนำเข้าหม้อทอดไร้น้ำมัน เนื่องจากลมร้อนแรงสามารถทำให้ซอสกระเด็นไปทั่วหม้อ ซึ่งนอกจากจะเลอะเทอะแล้ว ยังอาจทำลายผิวเคลือบกันติดของหม้อได้ ส่งผลให้เครื่องพังเร็ว และในบางกรณีอาจเกิดควัน หรือไฟลุกไหม้ได้

อีกทั้งน้ำซอสมักมีส่วนผสมของน้ำตาล ซึ่งเมื่อเจอกับความร้อนสูงจะไหม้กลายเป็นสารอะคริลาไมด์ (Acrylamide) เชื่อมโยงกับความเสี่ยงของโรคมะเร็ง หากรับประทานสะสมในระยะยาว ที่สำคัญการที่ซอสถูกทำให้แห้งจนเกินไปยังทำให้เนื้ออาหารแข็ง แห้ง และเสียรสชาติอีกด้วย จึงควรเลือกใช้วิธีปรุงแบบดั้งเดิม เช่น ตุ๋น, เคี่ยว หรือผัดบนเตาแทน

3. อาหารแช่แข็งที่ยังไม่ละลายน้ำแข็ง




หลายคนมีพฤติกรรมนำอาหารออกจากช่องแช่แข็ง แล้วใส่หม้อทอดไร้น้ำมันทันทีโดยไม่ละลายน้ำแข็งก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้อาหารสุกไม่ทั่วถึง ด้านนอกดูเหมือนสุกแล้ว แต่ความจริงภายในยังดิบอยู่ เสี่ยงต่อการเกิดแบคทีเรีย และเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

ยิ่งไปกว่านั้น น้ำแข็งที่ละลายจากอาหารอาจไหลซึมลงสู่ส่วนทำความร้อนด้านล่างของหม้อ อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือทำให้แผงวงจรเสียหาย โดยเฉพาะหากเป็นหม้อทอดที่ราคาถูก หรือไม่ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ดังนั้น ก่อนนำอาหารแช่แข็งไปปรุงในหม้อทอดไร้น้ำมัน ควรแน่ใจว่าได้ทำการละลายน้ำแข็งอย่างถูกวิธีเสียก่อน

ท้ายที่สุดแล้ว "หม้อทอดไร้น้ำมัน" แม้จะสะดวกและดีต่อสุขภาพ แต่ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวัง และเลือกอาหารที่เหมาะสม การใช้ผิดวิธีอาจนำไปสู่ปัญหาทั้งต่อสุขภาพ และความปลอดภัยภายในบ้าน ส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของเราได้ โปรดจำไว้ว่า อย่ามองข้ามข้อควรระวังเล็กๆ เหล่านี้ เพราะอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คุ้มค่าในระยะยาว

ญาติผู้ป่วยถูกเครื่อง MRI ดูดร่างเข้าอุโมงค์ ดับสลด เหตุพกของต้องห้ามเข้าห้องตรวจ

 ญาติผู้ป่วยถูกเครื่อง MRI ดูดร่างเข้าไปในอุโมงค์ เสียชีวิตสลด อุทาหรณ์ "ของต้องห้าม" ห้ามนำเข้าห้องตรวจเด็ดขาด

เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงที่ศูนย์ MRI ในนครเวสต์เบอรี ลองไอส์แลนด์ สหรัฐอเมริกา เมื่อชายวัย 61 ปีถูกสนามแม่เหล็กแรงสูงของเครื่องตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ดูดเข้าไปอย่างรุนแรง ขณะเขาสวมสร้อยคอโลหะขนาดใหญ่ โดยไม่ได้เป็นผู้ป่วยที่เข้ารับการตรวจ

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ศูนย์ Nassau County Open MRI ตามรายงานของตำรวจเขตแนสซอ ระบุว่าชายคนดังกล่าวซึ่งยังไม่เปิดเผยชื่อ ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากแรงดูดของเครื่อง MRI และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล North Shore University Hospital แต่เสียชีวิตในวันถัดมา (17 กรกฎาคม)

แม้เขาไม่ได้เป็นผู้ป่วย แต่เพียงแค่ติดตามภรรยาไปตรวจ MRI เท่านั้น พยานระบุว่าเขาฝ่าฝืนคำเตือนห้ามเข้าไปในห้องตรวจ หลังได้ยินเสียงภรรยาแสดงความเจ็บปวด และรีบวิ่งเข้าไปหาโดยไม่ทันถอดสร้อยโลหะที่สวมอยู่ ส่งผลให้ถูกสนามแม่เหล็กแรงสูงของเครื่องดูดเข้าไปทันที

เครื่อง MRI เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้สนามแม่เหล็กแรงสูงเพื่อสร้างภาพภายในร่างกาย จึงห้ามนำวัตถุโลหะทุกชนิดเข้าภายในห้องตรวจอย่างเด็ดขาด เพราะสนามแม่เหล็กมีแรงดูดมากพอแม้แต่การดึงรถเข็นเหล็กให้พุ่งเข้าไปในเครื่องได้

แพทย์หญิง Payal Sud จากโรงพยาบาล North Shore ให้สัมภาษณ์กับ CBS News ว่า หากผู้เสียชีวิตสวมสร้อยโลหะไว้ที่คอ เขาอาจได้รับบาดเจ็บรุนแรงบริเวณคอจากแรงกระชากฉับพลัน “อาจถึงขั้นขาดอากาศหายใจ หรือได้รับอันตรายต่อกระดูกสันหลังส่วนคอ” เธอกล่าว

การสอบสวนยังคงดำเนินอยู่ โดยตำรวจระบุว่าไม่มีหลักฐานบ่งชี้ความผิดปกติหรือการกระทำที่เข้าข่ายอาชญากรรม


เคยเกิดโศกนาฏกรรมจากเครื่อง MRI มาก่อน

เมื่อปี 2018 ที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย ชายชื่อ Rajesh Maru อายุ 32 ปี เสียชีวิตหลังจากถือถังออกซิเจนเข้าไปในห้อง MRI โดยเข้าใจผิดว่าเครื่องปิดอยู่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบอกว่าไม่มีอันตราย แต่เครื่องยังเปิดอยู่ แรงแม่เหล็กทำให้ถังออกซิเจนพุ่งกระแทกจนเกิดการรั่วไหลในรูปของเหลว ส่งผลให้เขาขาดอากาศหายใจ


ตามข้อมูลจาก สถาบันแห่งชาติด้านการถ่ายภาพชีวเวชศาสตร์และวิศวกรรมชีวการแพทย์ของสหรัฐฯ (NIBIB) ระบุว่า เครื่อง MRI ใช้สนามแม่เหล็กแรงสูงที่สามารถออกแรงได้มหาศาลต่อวัตถุที่เป็นเหล็กหรือวัสดุที่ถูกดูดด้วยแม่เหล็ก ถึงขั้น “เหวี่ยงรถเข็นคนพิการข้ามห้องได้”


ข้อเตือนภัยจากผู้เชี่ยวชาญ

กรณีเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนถึง อันตรายจากการนำวัตถุโลหะเข้าสู่บริเวณที่มีสนามแม่เหล็กแรงสูง แม้จะเป็นเพียงเครื่องประดับชิ้นเล็ก หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ หากไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด อาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมร้ายแรง


ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่า ห้ามเด็ดขาดในการนำโลหะทุกชนิดเข้าสู่ห้องตรวจ MRI ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยก็ตาม เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทุกคนในสถานพยาบาล