ไทยเอาคืน! กระเช้าขึ้นภูมะเขือ ของทหารกัมพูชา ถูกทำลายแล้ว!

 กระเช้าขึ้นภูมะเขือ ของทหารกัมพูชา ถูกทหารไทย ทำลายแล้ว!



เรียกว่าสถานการณ์ยังคงตึงเครียดสำหรับการปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งทางเพจเฟซบุ๊ก กองทัพภาคที่ 2 ได้มีการรายงานสถานการณ์อยู่ตลอด ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า 11.30 น. กัมพูชาไร้มนุษยธรรม!ใช้ BM-21 โจมตีพื้นที่พลเรือนของไทย เร่งอพยพประชาชน


ภาพจาก กองทัพภาคที่ 2


ล่าสุดมีรายงานว่า เวลา 11.37 น. กระเช้าขึ้นภูมะเขือ ของทหารกัมพูชา ถูกทหารไทย ทำลายแล้ว!





ภาพจาก กองทัพภาคที่ 2


เรียบเรียง สยามนิวส์


ด่วนที่สุด! ปะทะแล้วกันแล้ว ปราสาทตาเมือนธม ทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดก่อน

 ด่วนที่สุด! ปะทะแล้วกันแล้ว ปราสาทตาเมือนธม ทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดก่อน


เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force - สำรอง ได้มีการรายงานเหตุการณ์แนวชายแดนไทย-กัมพูชาระบุว่า ด่วน! 08.45น. - มีรายงานปะทะกันแล้วที่ปราสาทตาเมือนธม เสียงปืนดังสนั่น ฝ่ายทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงที่บริเวณ #ฐานหมูป่า ตรงข้ามปราสาทตาเมือนธม 200 เมตร โดยทหารกัมพูชาเอาประชาชนเป็นโล่ เพราะใกล้พื้นที่ชุมชน รอรายงานสถานการณ์เพิ่มเติ่ม #ขอให้ทหารไทยแนวหน้าปลอดภัย #ปราสาทตาเมือนธม

กองทัพบก เคลื่อนไหวด่วน หลังถูกฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากโจมตี

 เพจเฟซบุ๊ก ทีมโฆษกกองทัพบก ได้มีการรายงานสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุดว่า วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน



ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์


อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

ด่วน! กองทัพบก อนุมัติให้ใช้ปืนใหญ่ ป. ได้ ในพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 2


วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. บริเวณปราสาทตาเหมือนธม หน่วยเฉพาะกิจที่สองกองกำลังสุรนารี ได้ส่งชุดประสานงานพูดคุยชายแดน แจ้งให้ทางกัมพูชา ทราบว่าไทยปิด การท่องเที่ยว ประสาทตาเมือนธมโดยการพูดคุยล้มเหลว ทางกัมพูชาไม่ยอม



ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ลวดหนามหีบเพลงมาล้อมทางขึ้นและบริเวณรอบปราสาทตาเมือนธม จากนั้นทหารฝ่ายกัมพูชา ได้ตั้งอาวุธปืนหน้าแนวทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมได้ยินเสียงโดรนฝ่ายกัมพูชาบินลาดตระเวณรอบปราสาทตาเมือนธม


ซึ่งมีทหารกัมพูชาจำนวน 6 คนพร้อมอาวุธครบมือ(อาร์พีจี) เข้ามาประชิดรั้วลวดหนามที่ฝ่ายทหารไทยวางไว้ พร้อมตะโกนเจรจา แต่ฝ่ายทหารไทยยืนยันว่า ได้มีการพูดคุยไปแล้วเบื้องต้น


จากนั้น เวลา 08.20น. ทหารฝ่ายกัมพูชา ได้เปิดฉากยิง บริเวณตรงข้ามฐานหมูป่า ทางทิศตะวันออก ห่างจากปราสาทตาเมือนธม 200 เมตร ฝ่ายทหารไทย ตอบโต้เพื่อป้องกันตัว


ล่าสุด มีรายงานว่า กองทัพบก อนุมัติให้ใช้ปืนใหญ่ ป. ยิงได้ ในพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง


เรียบเรียง สยามนิวส์

แม่ทัพภาค 2 ลั่น! ยกระดับรับมือทันที สั่งปิดด่านใหญ่คุมเข้มชายแดน หลังทหารเจ็บสาหัส

 แม่ทัพภาค 2 ลั่น! ยกระดับรับมือทันที สั่งปิดด่านใหญ่คุมเข้มชายแดน หลังทหารเจ็บสาหัส



23 กรกฎาคม 2568 กรณีเกิดเหตุระเบิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อช่วงเวลาตอนเย็นที่ผ่านมา ณ บริเวณช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ขณะกำลังพลจากหน่วยพัน.ร.14 ออกลาดตระเวนรักษาความสงบเรียบร้อยในแนวชายแดน ก่อนเกิดเหตุไม่คาดฝันกับระเบิดใต้พื้นดินระเบิดขึ้น ส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาขวาขาดจากแรงระเบิด และถูกลำเลียงส่งรักษาอย่างเร่งด่วนที่โรงพยาบาลน้ำยืน




พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (23 ก.ค.) โดยระบุว่าระเบิดที่พบในพื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับการวางใหม่ ไม่ใช่ซากระเบิดเก่าที่หลงเหลือไว้ พร้อมสั่งยกระดับการปฏิบัติการตอบโต้ทันที


มาตรการตอบโต้ของแม่ทัพภาคที่ 2 คือการ สั่งปิดพื้นที่สำคัญตามแนวชายแดนในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย พร้อมปิดด่านผ่านแดน 4 จุด คือ ช่องอานม้า ช่องสะงำ ช่องจอม และช่องสายตะกู เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันความเสี่ยงซ้ำซ้อน


ด้าน พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นภายในเขตแดนไทย ซึ่งทางกองทัพบกขอประณามการกระทำอันไร้มนุษยธรรมและขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ พร้อมเรียกร้องให้ ฝ่ายกัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


การวางทุ่นระเบิดในลักษณะนี้ไม่เพียงแต่เป็นภัยต่อเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของไทยเท่านั้น แต่ยังคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดนอย่างร้ายแรง พล.ต.วินธัย กล่าว


ทั้งนี้ กองทัพบกยืนยันว่าจะดำเนินการตอบโต้ในทุกมิติภายใต้กลไกที่มีอยู่ เพื่อปกป้องความปลอดภัยของกำลังพล และประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งติดตามอาการของผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด และจัดทีมเก็บกู้พื้นที่โดยเร่งด่วนเพื่อป้องกันเหตุซ้ำ



นอกจากนี้ในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) ผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพบก ได้แก่ พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก, พลโทชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก, พลโทบุญสิน พาดกลาง มทภ.2 และ พลตรีธีรนันท์ นันทขว้าง ผบ.หน่วยข่าวกรองทางทหาร มีกำหนดการลงพื้นที่ช่องอานม้า เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด


ขณะนี้ หน่วยกำลังในพื้นที่ได้เข้าสู่ ระดับความพร้อมสูงสุด 100% และเร่งดำเนินการเก็บกู้วัตถุระเบิดอื่น ๆ ที่อาจยังหลงเหลืออยู่ กองทัพบกและประชาชนทั่วประเทศขอส่งแรงใจไปถึง จ.ส.อ.พิชิตชัย รวมถึงทหารทุกนายที่ปฏิบัติภารกิจแนวหน้า เพื่อปกป้องอธิปไตยและความสงบเรียบร้อยของชาติ